จริยธรรมการตีพิมพ์

จริยธรรมการตีพิมพ์

จริยธรรมในการตีพิมพ์บทความในวารสาร(Publication Ethics)

วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นวารสารเผยแพร่ และรับตีพิมพ์ผลงานวิจัย/ ผลงานวิชาการ และผลงานวิชาการรับใช้สังคมทางด้านกฏหมายบุคลากร นักวิจัย นักวิชาการ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยทักษิณ เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในแวดวงวิชาการ

กำหนดการตีพิมพ์ปีละ 1 ฉบับ คือ กรกฎาคม – มิถุนายน ของทุกปี โดยกำหนดให้บทความที่เสนอตีพิมพ์ในวารสาร ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญ และ มีประสบการณ์ สามารถให้ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์แก่นักวิจัยก่อนการตีพิมพ์ จำนวน 2 ท่าน อาจมีการประเมินต่างกันนั้น ให้บรรณาธิการพิจารณา โดยจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้เขียนบทความและผู้ประเมินบทความ (แบบ double-blinded peer review)

วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้กำหนดบทบาทและหน้าที่สำหรับบุคคล 3 กลุ่ม ที่อยู่ในวงจรการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ได้แก่ ผู้นิพนธ์ (Author) บรรณาธิการวารสาร (Editor) ผู้ประเมินบทความ (Reviewer) เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 กลุ่ม ได้ศึกษาและปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้อ่าน และแวดวงวิชาการ

บทบาทและหน้าที่ของผู้นิพนธ์ (Duties of Authors)

  1. ผู้นิพนธ์ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่บิดเบือนข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
  2. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดมาก่อน และไม่ได้กำลังเสนอขอตีพิมพ์ที่อื่นใด
  3. ผู้นิพนธ์ต้องมีการอ้างอิงผลงานที่นำมาใช้ในงานของตนเอง และนำการอ้างอิงนั้นไปใส่ไว้ในรายการอ้างอิงท้ายบทความ
  4. ผู้นิพนธ์ต้องใส่ชื่อผู้ร่วมวิจัยทั้งหมด ในกรณีที่งานวิจัยมีผู้ร่วมทำงานหลายคน ไม่แอบอ้างเป็นงานวิจัยของตนเองแต่เพียงผู้เดียว
  5. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นไม่มีข้อความ ภาพประกอบ และตารางใดๆ ที่เมื่อตีพิมพ์แล้วจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนบุคคลของผู้หนึ่งผู้ใด
  6. ผู้นิพนธ์ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้ (ถ้ามี)
  7. ผู้นิพนธ์ต้องระบุผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี)

 

บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการ

  1. บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองคุณภาพบทความที่เสนอตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร
  2. บรรณาธิการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลผู้นิพนธ์ และผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
  3. บรรณาธิการจะคัดเลือกบทความมาตีพิมพ์หลังจากผ่านกระบวนการประเมินบทความแล้ว โดยพิจารณาจากความสำคัญ ความใหม่ ความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายของวารสารเป็นสำคัญ
  4. บรรณาธิการต้องไม่ลงตีพิมพ์ หรือตอบรับบทความโดยที่ไม่มีข้อมูลยืนยัน
  5. บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้นิพนธ์ และผู้ประเมิน
  6. บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) บรรณาธิการต้องหยุดการประเมินทันที พร้อมส่งหนังสือผู้นิพนธ์ทันที เพื่อขอคำชี้แจงประกอบการตอบรับหรือ ปฏิเสธ การตีพิมพ์บทความนั้น

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ

  1. ผู้ประเมินจะต้องรักษาความลับอย่างเคร่งครัด จะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลขณะประเมินบทความให้แก่บุคคลอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องทราบ
  2. ผู้ประเมินไม่ควรมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ ซึ่งส่งผลให้การประเมินขาดความ โปร่งใส ไม่เป็นอิสระ หากมีควรแจ้งให้บรรณาธิการทราบแต่เบื้องต้นที่ได้รับบทความ
  3. ผู้ประเมินบทความควรมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ที่ตนประเมิน โดยควรให้ความสำคัญในด้านคุณภาพของบทความ และต้องตัดสินโดยอาศัยข้อมูลทางวิชาการมารองรับ ไม่ตัดสินด้วยเหตุผลส่วนตัว
  4. ผู้ประเมินควรตรวจสอบความซ้ำซ้อนของบทความ หากพบว่ามีการคัดลอก เจตนาให้ข้อมูลเท็จ หรือปิดบังอำพรางควรแจ้งให้บรรณาธิการทราบ