การตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใน จังหวัดปทุมธานี

Main Article Content

กฤชณัท เหล่ากอ
สมบูรณ์ สุขสำราญ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประสบการณ์เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีผลต่อการตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และ 2) เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสร้างความตระหนักและเฝ้าระวังคุกคามความมั่นคงปลอกภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นการวิจัยฃเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก   ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 17 คน ใช้การเลือกแบบเจาะจง กระบวนการตรวจสอบสามเส้าวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความทำการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัยการวิเคราะห์เนื้อหา ซึ่งได้จากเอกสารและการสัมภาษณ์ โดยคำนึงถึงบริบทและใช้การเขียนข้อความแบบบรรยาย ผลการวิจัย พบว่า ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามและอาชญากรรมไซเบอร์มีการนําเสนอข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายความรู้ข่าวสารและประสบการณ์จากรับฟังข่าวจากสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ในด้านประสบการณ์เกี่ยวกับภัยคุกคามและอาชญากรรมไซเบอร์คือ เคยได้รับข้อความที่ไม่พึงประสงค์ส่งมาในอีเมล์หรือการได้รับการก่อกวนในระบบเครือข่ายเช่น ข้อความที่ส่งมายังอีเมล์ ข้อความส่งมาผ่านทางโซเชียลมีเดีย สมาร์ทโฟน มือถือ หรือเว็บโฆษณาก่อกวนก่อให้เกิดความรําคาญจนไม่สมาธิในการทํางานจึงจําเป็นอย่างยิ่งที่ทุกส่วนงานภาครัฐ องค์กรเอกชน หรือ บุคคลโดยทั่วไปจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในการพัฒนารักษาความมั่นคงของระบบเครือข่าย โดยการให้ความรู้ความเข้าใจ คําปรึกษาและประสานงานกับผู้ที่รับผิดชองงานด้านความมั่นคงปลอดภัย ควรมีการตรวจสอบการประเมินความเสี่ยงของระบบสารสนเทศ และจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรให้หน่วยงานภาครัฐในด้านความรู้เกี่ยวกับ          ภัยคุกคามและอาชญากรรมไซเบอร์ ส่วนใหญ่มีความรู้ ความชั่งใจ เกี่ยวกับการกําหนดผู้ใช้งานและรหัสผ่านก่อนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความปลอดภัยในการเข้าใช้งานมากที่สุด

Article Details

บท
Research Articles

References

ชิษณุพงศ์ ธนูทอง. (2561). การพัฒนาการรักษาความมั่นคงในระบบเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย. ธรรมศาสตร์.

T. Sommestad, M. Ekstedt and P. Johnson. (2009). Cyber Security Risks Assessment withBayesian Defense Graphs and Architectural Models. in 42nd Hawaii InternationalConference on System Sciences (HICSS). pp. 1–10.