การพัฒนารูปแบบการดำเนินการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพให้เป็นงานวิจัย (PLC to R) ของครูในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในภูมิภาคตะวันออก
คำสำคัญ:
การดำเนินการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ, PLC to Research, ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการรับรู้ความสามารถดำเนินงานวิจัยของครู 2) เพื่อศึกษาความรู้และเข้าใจกระบวนการพัฒนาตนเองของครูด้วยกระบวนการชุมชนทางการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 3) เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินงานชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเป็นงานวิจัย (PLC to R) ของครู 4) เพื่อทดลองใช้และประเมินผลการใช้รูปแบบ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 478 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น(Stratified random sampling) ผู้ทรงคุณวุฒิผู้พิจารณารูปแบบเป็นอาจารย์คณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ผู้บริหาร และครูวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการวิจัยและการดำเนินงานเกี่ยวกับ PLC โดยทุกท่านมีคุณวุฒิในระดับปริญญาเอก จำนวน 17 คน ครูผู้ทดลองใช้รูปแบบจำนวน 42 คน การวิเคราะห์ข้อมูลพิจารณาฉันทามติ (Consensus) โดยค่ามัธยฐาน (Mdn) ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (IQR) สถิติภาคบรรยายใช้ค่าเฉลี่ย (M) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) สถิติอ้างอิง (Inferential Statistic) โดยใช้สถิติการทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-way ANOVA) การเปรียบเทียบรายคู่โดยวิธีการของเชฟเฟ่ต์ (Scheffe’s method) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยสูตรสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน ( r_xy) สรุปผลวิจัย ดังนี้ การรับรู้ความสามารถในการวิจัยของครูก่อนเข้าร่วมโครงการ พบว่า มีการรับรู้ความสามารถโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง (M=3.28, SD=0.62) หลังร่วมโครงการ พบว่า มีการรับรู้ความสามารถในการทำวิจัย โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (M=4.60, SD=0.49) ค่าดัชนีพัฒนาการสัมพัทธ์ โดยรวมร้อยละ 77.34 ความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงาน PLC ของครู พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงาน PLC โดยรวมอยู่ในระดับมาก (M=4.05, SD=0.86) ผลการพัฒนารูปแบบการทำ PLC เป็นงานวิจัย โดยใช้เทคนิคกึ่งเดลฟาย(Applied Delphi Techniques) ได้รูปแบบการดำเนินการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพให้เป็นงานวิจัย (PLC to Research) ของครูเป็นกระบวนการดำเนินการบูรณาการกิจกรรมและกลไกการวิจัยกับกระบวนการ PLC รวม 30 รายการ ผลการประเมินรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ โดยพิจารณาความถูกต้อง (Accuracy) ความเหมาะสม (Propriety) จากค่ามัธยฐาน (Mdn) และพิจารณาความสอดคล้องจากค่าพิสัยระหว่างควอร์ไทล์ (IQR) ผลประเมินพบว่ามีผลประเมินระดับมากที่สุดทุกรายการ โดยมีผลการพิจารณาที่สอดคล้องกันทุกข้อรายการ และการประเมินหลังจากทดลองใช้โดยครูผู้ทดลองใช้พิจารณาจากค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลประเมินความเป็นไปได้ (Feasibility) และความเป็นประโยชน์ (Utility) ของกิจกรรมและกลไกของรูปแบบ PLC to R จำนวน 30 รายการ พบว่า โดยรวมมีผลประเมินอยู่ในระดับมาก (M=4.22, SD=0.23) และเมื่อพิจารณาเป็นข้อรายการ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด 7 รายการ และอยู่ในระดับมาก 23 รายการ
เอกสารอ้างอิง
กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์. (2553). การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการและวิทยานิพนธ์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สืบค้นจาก http://Thairath.co.th/content/135382
จุมพล พูลภัทรชีวิน. (2544). เทคนิคการวิจัยอนาคตแบบ EDFR. ใน ทศพร ศิริสัมพันธ์ (บรรณาธิการ). เทคนิควิธีการวิเคราะห์ นโยบาย. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชัยลิขิต สร้อยเพชรเกษม. (2555). การวิจัยด้วยวิธีเดลฟาย:การใช้มติสอดคล้องโดยเสียงข้างมาก. วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์, 7(18), 1-13.
ณรงค์ฤทธิ์ อินทนาม. (2553). การพัฒนาหลักเทียบสำหรับการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพในโรงเรียน. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
พงศ์เทพ จิระโร. (2562). หลักการวิจัยทางการศึกษา. ชลบุรี: ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยาประยุกต์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
พงศ์เทพ จิระโร และอาพันธ์ชนิด เจนจิตร. (2563). การวิจัยกำกับ ติดตาม และประเมินผล การจัดกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ของเครือข่ายที่รับเงินทุนอุดหนุนกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพของคุรุสภา ประจำปี2562: ภูมิภาคตะวันออก. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 31(3), 12-26.
พิชัย ตุ้งประโคน. (2556). บนทางเดินชีวิต: ครูผู้ช่วย. สืบค้นจาก https://www.gotoknow.org/posts/197670
วิจารณ์ พานิช. (2551). R2R: ROUTINE TO RESEARCH สยบงานจำเจด้วยการวิจัยสู่โลกใหม่ของงานประจำ. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
วิจิตร ศรีสอ้าน. (2554). ประสบการณ์ในการใช้ประโยชน์และความก้าวหน้าทางอาชีพของนักวิจัยสถาบัน. เอกสารประกอบการบรรยายวิจัยสถาบัน. วันพุธที่ 9 มีนาคม 2554 ณ ห้องสารนิเทศ อาคารบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2538). การวัดการเปลี่ยนแปลง. ใน การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 3 เรื่อง “หลักและวิธีวิจัยขั้นสูงเฉพาะการวิจัยและพัฒนาระบบพฤติกรรมไทยด้านต่าง ๆ” สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบพฤติกรรมไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมถวิล วิจิตรวรรณา. (2556). แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยเชิงประเมิน. นนทบุรี: สำนักทะเบียนและวัดผล มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. (2541). วิธีวิทยาการทางการประเมิน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2561). คู่มือการประเมินให้ข้ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูมีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2553). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. (พิมพ์ครั้งที่ 13). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Charles, C.H. (2010). The effect of professional learning community principles on English language learner instructional practices and reading achievement. (Doctor of Philosophy In Educational Leadership and Policy Studies). Virginia Polytechnic Institute and State University. Blacksburg, VA.
DuFour, R., & Eaker, R. (1998). Professional Learning communities at work: Best practices for enhancing student achievement. Bloomington, IN: Solution. Education Service.
DuFour, R., Eaker, R., & Many, T. (2006). Learning by Doing A Handbook for Professional Learning Communities at Work. Bloomington, IN: Solution Tree Press.
Macmillan,T.T. 1971. The Delphi Technique. Paper Presented at the annual meeting of the California Junior Colleges Associations Committee on Research and Development. Monterey: California. (May 1971): 3-5.
Stufflebeam, D. L. (1981). Meta-evaluation: Concepts, standards, and uses. In R. Berk (Ed.), Educational evaluation methodology: The state of the art. Baltimore, MD: Johns Hopkins.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และ ศึกษาศาสตร์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และ ศึกษาศาสตร์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของโรงเรียนนายเรือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากโรงเรียนนายเรือก่อนเท่านั้น