การพัฒนาแบบวัดความสามารถพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 39-49
คำสำคัญ:
ความสามารถพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์, หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาแบบวัดความสามารถพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (2) เพื่อหาคุณภาพของแบบวัดความสามารถพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ (3) เพื่อสร้างเกณฑ์ปกติ (norms) และคู่มือการใช้แบบวัดความ สามารถพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 จำนวน 115 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แบบทดสอบวัดความเข้าใจสิ่งแวดล้อม จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบวัดกระบวนการคิดหาเหตุผลในการสืบเสาะหาความรู้ จำนวน 30 ข้อ และแบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 60 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้อง
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่น
ผลการวิจัยพบว่า
- แบบทดสอบวัดความเข้าใจสิ่งแวดล้อม มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากค่าดัชนีความสอดคล้อง มีค่าตั้งแต่ 0.33 ถึง 1.00 ความยากง่ายมีค่าตั้งแต่ 0.44 ถึง 0.76 และอำนาจจำแนกมีค่าตั้งแต่ 0.32 ถึง 0.96 ความเชื่อมั่นมีค่าเท่ากับ 0.90 ความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการวัดเท่ากับ 2.22
- แบบทดสอบวัดกระบวนการคิดหาเหตุผลในการสืบเสาะหาความรู้ มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากค่าดัชนีความสอดคล้อง มีค่าตั้งแต่ 0.33 ถึง 1.00 ความยากง่ายมีค่าตั้งแต่ 0.36 ถึง 0.72 อำนาจจำแนกมีค่าตั้งแต่ 0.32 ถึง 0.77 ความเชื่อมั่นมีค่าเท่ากับ 0.87 ความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการวัดเท่ากับ 2.37
- แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากค่าดัชนีความสอดคล้อง มีค่าตั้งแต่ 0.33 ถึง 1.00 อำนาจจำแนก และ ความเชื่อมั่นมีค่าเท่ากับ 0.98 ค่าสถิติทีมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 0.001 ความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการวัดเท่ากับ 2.78
- แบบวัดความสามารถพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1
ทั้ง 3 ฉบับ มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา จากค่าดัชนีความสอดคล้อง มีค่าตั้งแต่ 0.70 ถึง 1.00 และมีความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างจากค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์คะแนนรายข้อกับคะแนนรวมทั้งฉบับมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 0.05
References
กัลยา เอียดวาโย. การพัฒนาเครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2546.
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1, สำนักงาน. รายงานการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพของผู้เรียน ปีการศึกษา 2554. ศรีสะเกษ : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1, 2554.
คณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงาน. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2550-2554). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549.
จิตรลดา อารีย์สันติชัย. การพัฒนาเครื่องมือวัดลักษณะนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2546.
จิราภรณ์ ศิริทวี. “เทคนิคการจัดกิจกรรมให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้,” วารสารวิชาการ 1, 9 (กันยายน 2541) : 37-52.
บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7 กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น, 2545.
บุญเรียง ขจรศิลป์. วิธีการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : พี.เอ็น.การพิมพ์, 2539.
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, 2540.
พิชิต ฤทธิ์จรูญ. หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา. กรุงเทพฯ : เฮาส์ออฟเดอะมิสท์, 2552.
ภัทรา นิคมานนท์. การประเมินผลการเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บริษัทอักษราพิพัฒน์ จำกัด, 2543.
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. เทคนิคการวัดผลการเรียนรู้. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น, 2543.
. สถิติวิทยาทางการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น, 2540.
ระวีวรรณ อังคนุรักษ์พันธุ์. เอกสารคำสอนวิชา วผ 306 การวัดทัศนคติเบื้องต้น. ชลบุรี : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 2533.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. พระราชบัญญติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค, 2542.
. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.), 2551.
สำเริง บุญเรืองรัตน์. รายงานการวิจัยเรื่อง การศึกษาความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่น ด้วยทฤษฎีการสรุปอ้างอิง (Generalizability Theory) ของการวัดผลด้วยผลงานของตนเอง. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2538.
สุธีรา ราษฎรินทร์. การพัฒนาเครื่องมือวัดทักษะชีวิตเกี่ยวกับการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ในวัยเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2547.
สุวัฒน์ นิยมค้า. ทฤษฎีและแนวทางในการสอนวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้เล่ม 1. กรุงเทพฯ :
เจเนอร์บุคเซนเตอร์, 2531.
อุทุมพร (ทองอไทย) จามรมาน. การสร้างและพัฒนาเครื่องมือวัดลักษณะผู้เรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ฟันนี่พับลิชชิ่ง, 2541.
อุบล อุตมะมุณีย์. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถภาพสมองและความสามารถในการแก้ปัญหา ทางวิทยาศาสตร์กับบุคลิกภาพนักวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดสงขลา. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2545.
อุไรวรรณ ชินพงษ์. การพัฒนาเครื่องมือวัดคุณลักษณะทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น ในเขตการศึกษา 2. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2544.
Collette, A.T. and Chiappetta, E. L. Science Instruction in the Middle and Secondary Schools. Columbus, Ohio : Columbus, Ohio : Charles E. Merrill Publishing Company, 1986.
Gable, R.K. Instrument Development in the Affective Domain. Boston : Kluwer-Nijhoff, 1986.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย