การปฏิบัติการเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การแสดงทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโนนจิก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 89-96
คำสำคัญ:
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, การแสดงทางวิทยาศาสตร์, วิจัยปฏิบัติการบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การแสดงทางวิทยาศาสตร์และเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังการปฏิบัติการเรียนรู้โดยใช้การแสดงทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโนนจิก จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยที่สำคัญได้แก่ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การวิจัยครั้งนี้ใช้เทคนิคการวิจัยปฏิบัติการของ Kemmis and McTaggart มีขั้นตอนการปฏิบัติการ 4 ขั้นตอน วงจรปฏิบัติการ 3 วงจร ซึ่งผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการบันทึก การสังเกต การสัมภาษณ์ เมื่อสิ้นแต่ละวงจรปฏิบัติการมีการทดสอบประเมินทักษะด้วยแบบทดสอบย่อยท้ายวงจร และเมื่อสิ้นการปฏิบัติการมีการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้วิจัยได้นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหา สรุปความและรายงานเป็นเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
- นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน นอกจากนี้บุคลิกภาพของครูก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ห้องเรียนมีบรรยากาศน่าเรียน สามารถพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนให้สูงขึ้นได้
- นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนเรียนเฉลี่ยร้อยละ 52.98 หลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 84.74 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือร้อยละ 70 และมีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100
เอกสารอ้างอิง
คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้. ปฏิรูปการเรียนรู้ผู้เรียนสำคัญที่สุด. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2543.
จิตรา ชนะกุล. เอกสารประกอบรายวิชาการประเมินผลพัฒนาเด็กปฐมวัย. ฉะเชิงเทรา : คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, 2550.
ธวัชชัย บุญสวัสดิ์กุลชัย. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้กิจกรรมฝึกทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2543.
นภาลักษณ์ รุ่งสุวรรณ. “การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ,” วารสารวิทยาจารย์. 105, 11 (กันยายน 2549) : 42-47.
ภพ เลาหไพบูลย์. แนวการสอนวิทยาศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2540.
. แนวการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2546.
ภัชรินทร์ เลิศบุรุษ. ผลของการใช้กิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ (Science Show) เรื่อง แรง และ
ความดัน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5. นครศรีธรรมราช : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4, 2552.
วิชาการ, กรม. การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2546.
วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครสวรรค์, ศูนย์. ชุดการแสดงทางวิทยาศาสตร์ (Science Show). กรุงเทพฯ :
เอกพิมพ์ไท, 2547.
ศรีลักษณ์ ผลวัฒนะ และประดับ นาคแก้ว. ครูมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : บริษัท แม็ค จำกัด, 2551.
สมบัติ การจนารักพงค์ และคนอื่นๆ. เทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5 E ที่เน้นพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง : กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : ธารอักษร, 2545.
สมบัติ โตอิ้ม. “การสอนให้นักเรียนเป็นนักวิทยาศาสตร์,” ในหลากหลายวิธีสอนของครูต้นแบบวิชาวิทยาศาสตร์.หน้า 25-26. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2542.
สรวงพร กุศลส่ง. เอกสารประกอบการอบรมครูปฐมวัย วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย. เพชรบูรณ์ : คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์, 2552.
อารมณ์ เพชรชื่น. “การสังเคราะห์งานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา,” วารสารศึกษาศาสตร์ 17, 1 (มิถุนายน – ตุลาคม 2548) : 91.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย