การใช้วิธีสอนโฟนิกส์ เพื่อเสริมสร้างการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
คำสำคัญ:
วิธีการสอนแบบโฟนิกส์, การออกเสียง, ความรู้คำศัพท์บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบการออกเสียง และความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของผู้เรียนก่อนและหลังได้รับการสอนด้วยวิธีสอนโฟนิกส์ 2) เพื่อเสริมสร้างการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีสอนโฟนิกส์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยวิธีสอนโฟนิกส์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนธาตุพนม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการสอนวิชาภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีสอนโฟนิกส์ จำนวน 6 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบวัดการออกเสียงภาษาอังกฤษ และแบบวัดความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ขั้นตอนการวิจัยประกอบด้วยการวัดการออกเสียงภาษาอังกฤษ และการวัดความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษก่อนและหลังการสอนด้วยวิธีสอนโฟนิกส์ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยสถิติพรรณนาเพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการวัดความสามารถในการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีสอนโฟนิกส์ดีขึ้นโดยผลทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน(E1) มีค่าเท่ากับ 74.44 ผลการวัดความสามารถในการรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนโดยวิธีสอนโฟนิกส์ดีขึ้นผลจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน(E2)เท่ากับ 80.40 นักเรียนได้คะแนนจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.25 และได้คะแนนจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 17.95 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ภาพรวมของความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยการใช้วิธีสอนโฟนิกส์ เพื่อเสริมสร้างการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.77, S.D. = 0.41)
References
National Institute of Literacy.1999. Put Reading First.USA: the Center for the Improvement of Early Reading Achievement (CIERA)
Rayner and Others, 2002. How should reading be taught? Scientific American Retrieved September 5, 2017 from https://www.researchgate.net/publication/11503766_How_Should_Reading_be_Taught