การวิเคราะห์ปริมาณการจราจรของถนนท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งตะวันออกช่วงหาดแม่พิมพ์จังหวัดระยอง-หาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การพัฒนาโครงข่ายถนนสายรองเลียบชายฝั่งทะเลให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยมีทัศนียภาพสองข้างทางที่ร่มรื่นและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวัรออกในแหล่งต่าง ๆ ทั้งที่มีอยู่เดิมและแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ยังผลให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและมีการกระจายรายยได้สู่ประชาชนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อสำรวจปริมาณการจราจรบนแนวถนนท่องเที่ยวเบียบชายทะเลฝั่งทะเลตะวันออกจากจังหวัดระยอง-ชลบุรี เพื่อพัฒนาแบบจำลองการวิเคราะห์ปริมาณการจราจรในปัจจุบันและอนาคตสำหรับการออกแบบโครงสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งจัดป้ายสัญญาณและปรับภูมิทัศน์ตามแนวถนนท่องเที่ยวเลียบทะเลจ่อไป แนวทางการศึกษาดำเนินการโดยทำการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ปริมาณการจราจรและการวิเคราะห์ปริมาณการจราจร นอกจากนี้ ยังได้ทำการสำรวจปริมาณการจราจรบนแนวถนนที่กำลังศึกษา ผลการสำรวจปริมาณการจราจรในพื้นที่ 5จุด ซึ่งคาดว่าจะมีการจราจรหนาแน่นและส่งผลต่อการท่องเที่ยวในอนาคต พบว่า ในกรณีที่ไม่ได้ปรับปรุงใด ๆ ปริมาณการจราจรในถนนแต่ละแห่งจะมีระดับของการให้บริการ (LOS) มีที่แย่ลง 1-2 ระดับจากระดับเดิมในอีก 10 แีข้างหน้า ดังนั้น ถ้าจะปรับปรุงถนนเพื่อรองรับการเป็นถนนท่องเที่ยวเลียบชายทะเลจะต้องมีการขยายผิวการจราจร ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและปรับภูมิทัศน์ของถนนในบางช่วง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ของบทความ
ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ห้ามมิให้นำเนื้อหา ทัศนะ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลงานไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยก่อน
เอกสารอ้างอิง
AACE Internationnal. 2006. Total Cost Management Framework, Section 7.3, Cost Estimating and Budgeting.
Morgantown, WV:AACE International.
Catling M. 1986."Ali-Scout-A Universal Guidance and Information System for Road Traffic." In Second International Conference on Road Traffic Control, 15-18 April 1986, pp. 124-127. London: Institution of Electrical Engineers.
Catling. M. 1991. "Road Transport Informatics in Europe-Major Programs and Demonstrations." IEEE Transactions on Vehicular Technology 40, 1: 132-140.
Flyvbjerg, B., and Cowi, W.2004 Procedures for Dealing with Optimism Bias in Transport Planning: Guidance Document. London: UK Department for Transport.
Google Map Thailand [Online]. 2007-2008. Available: https://www.google.co.th
Kehneman, D., and Tversky, A.1979. "Prospect Theory: An Analysis of Decisions under Risk." Econometrica 47: 313-327.
Merrow, E., and Yarossi, M. 1990. "Assessing Project Cost and Schedule Risk." In 1990 AACE Transactions, pp. H.6.1-7. Morhantown, WV:AACE International.
Theppitak, Taweesak. 2011. "Exploring Roadways between Mae pim Beach, Rayong-Jom Thien Beach, Chonburi by applying the Geographic Information System and Multi-Criteria Analysis Technique." University of the Thai Chamber of Commerce Journal 31, 1:1-19. (in Thai)
ทวีศักดิ์ เทพพิทักษ์. 2554. "การสำรวจแนวสันถนนท่องเที่ยวเลียบทะเลช่วงหาดแหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง-หาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรีโดยใช้ระบบภูมิศาสตร์สารสนเทศและการวิเคราะห์หลากหลายปัจจัย." วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 31,1: 1-19.
Theppitak, Taweesak, and Duangphastra, Chackrit. 2011. "Enhancing Competitive Advantage for Thai Logistics Service Providers." University of the Thai Chamber of Commerce Journal 31,2: 18-37 (in Thai)
ทวีศักดิ์ เทพพิทักษ์ และจักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา. 2554. "การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย." วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 31,2: 18-37.
United States, National Academy of Sciences Transportation Research Board. 1997. Strategic Highway Research
Program. Washingtion,DC: Transportation Research Board, National Academy of Sciences.
United States. National Research Council. Transportation Research Board. 1994. Highway Capacity Manual: Special Report 209. 3rd ed. Washington, DC: Transportation Research Board, National Research Council.