ทุนมนุษย์ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับการเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐของแรงงานนอกระบบ จังหวัดสงขลา
Main Article Content
บทคัดย่อ
แรงงานนอกระบบเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา โดยงานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับระดับความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของแรงงานนอกระบบในพื้นที่ 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา และศึกษาความสัมพันธ์ระดับรายได้ ระดับความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และระดับการเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ แรงงานนอกระบบจังหวัดสงขลา จำนวน 200,000 คน ผลการศึกษาพบว่า แรงงานนอกระบบที่มีอาชีพ ระดับการศึกษา และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน จะส่งผลให้มีระดับรายได้ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่ผลการศึกษาความสัมพันธ์ของการเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี กับระดับรายได้ พบว่ากลุ่มที่มีรายได้น้อยมีแนวโน้มที่จะใช้เทคโนโลยีและเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐได้น้อย กล่าวคือปัจจัยระดับการใช้เทคโนโลยีกับการเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น การจัดทำนโยบายช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องส่งเสริมความสามารถในการหารายได้ควบคู่ไปกับการลงทุนในทุนมนุษย์ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความแตกต่างด้านรายได้ที่เกิดจากความแตกต่างขององค์ความรู้ด้านดิจิทัล (digital divide) ขณะเดียวกันก็ช่วยให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐตามนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและได้รับผลประโยชน์ตามนโยบายได้อย่างทั่วถึงกัน (digital dividend)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ของบทความ
ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ห้ามมิให้นำเนื้อหา ทัศนะ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลงานไปทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยก่อน
เอกสารอ้างอิง
กมลพร สันทัดสำรวจการณ์, และวรวิทย์ จินดาพล. (2561). แนวทางการส่งเสริมสวัสดิการแรงงานนอกระบบในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี. วารสารบัณฑิตศึกษา: มหาวิทยาราชภัฏสวนสุนันทา, 11(2), 1-13.
ณัฐพล แสงอรุณ. (2561). การวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำแบบแยกส่วนสองชั้นของเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ในประเทศไทย พ.ศ. 2538-2558. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 38(3), 92-105.
ณัฐวุฒิ อัศวโกวิทวงศ์, ขวัญพร บุนนาค, และนภัส วัฒโนภาส. (2561). ความเหลื่อมล้ำในเมืองมหานคร: บทปริทรรศน์ความรู้ในบริบทประเทศไทย. วารสารสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 17(2), 157-178.
ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์, และดารุณี พุ่มแก้ว. (2560) เงินอุดหนุนเฉพาะกิจและความเหลื่อมล้ำการคลังท้องถิ่นในประเทศไทย. วารสารสถาบันพระปกเกล้า, 15(1), 118-138.
ตะวัน วรรณรัตน์. (2557). การศึกษาเศรษฐกิจนอกภาคทางการในประเทศไทย. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 34(1), 137-159.
นิพนธ์ วงศ์จินดา. (2560). การเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนภูมิภาคของไทย กรณีศึกษา: ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ตและสงขลา, วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 12(2), 245-256.
ราเชนทร์ ชินทยารังสรรค์. (2554). คุณภาพชีวิตกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้. วารสารพัฒนบริหารศาสตร์, 51(1), 1-17.
เรืองศักดิ์ เดชณุกูล, และสมปอง สีชมพู. (2561). ความเหลื่อมล้ำด้านการคลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. วารสารราชภัฏเพชรบูรณ์สาร, 20(2), 11-23.
วันใหม่ นนท์ฐิติพงศ์, และณิชกานต์ พรหมจินดา. (2564). แรงงานนอกระบบ: หนทางการอยู่รอดในยุค New Normal. สืบค้นเมื่อ 21 สิงหาคม 2566, จาก https://www.bot.or.th/th/research-and-publications/articles-and-publications/articles/Article_13Apr2021.html
ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ. (2555). ปฏิรูปประกันสังคมกับคุณภาพชีวิตแรงงาน. สืบค้นเมื่อ 21 สิงหาคม 2566, จาก http://isw-thai.blogspot.com/?view=classic
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. (2557). เศรษฐกิจนอกระบบ ต้นตอความเสี่ยงของไทย. สืบค้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2562, จาก https://tdri.or.th/2014/04/bangkokbiz-2014-04-29/
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2562). โครงการจัดทำดัชนีวัดคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบและสำรวจข้อมูล แรงงานนอกระบบ(รายจังหวัด) ปีงบประมาณ พ.ศ.2562.กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2556). การสำรวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2556. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). การสำรวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ, สำนักงานสถิติจังหวัดสงขลา. (2560). รายงานสถิติจังหวัดสงขลา พ.ศ. 2560. สืบค้นจาก https://songkhla.nso.go.th/images/nat/%E0%B8%B7nat_1/report_60.pdf
สุชานุช พันธนียะ. (2562). แนวทางการปฏิรูปนโยบายสาธารณะเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย:กรณีนโยบายระบบการเงินระดับฐานราก (Microfinance). วารสารสถาบันพระปกเกล้า, 17(1), 58-74.
Becker, G. S. (1964). Human capital: A theoretical and empirical analysis with special reference to education. Cambridge, MA: National Bureau of Economic Research.
Habibullah, M. S., Din, B. H., & Sanusi, N. A. (2017). Economic growth and catch-up effect between the less developed states and the richer state of Selangor. International Journal of Economic Research, 14(16), 165-173.
Mamuna, M. A., Sohagb, K., & Hassan, M. K. (2017). Governance, resources and growth. Economic Modelling, 63, 238–261.
Stokke, H. E. (2004). Technology adoption and multiple growth paths: An intertemporal general equilibrium analysis of the catch-up process in Thailand. Review of World Economics, 140(1), 80-109.
Tsani, S. (2015). On the relationship between resource funds, governance and institutions: Evidence from quantile regression analysis. Resources Policy, 44: 94–111. doi:10.1016/j.resourpol.2015.01.003
Van den Bergh, J. C. (2004). Evolutionary analysis of the relationship between economic growth, environmental quality and resource scarcity. In R.U. Ayres, D. Simpson, & M. Toman (Eds.), Scarcity and growth revisited: Natural resources and the environment in the new millennium (pp. 177-197). New York, NY: Routledge.
Verspagen, B. (1991). A new empirical approach to catching up or falling behind. Structural Change and Economic Dynamics, 2(2), 359-380. doi:10.1016/S0954-349X(05)80008-6
World Bank. (2016). Digital dividends. Retrieved from https://documents1.worldbank.org/curated/en/896971468194972881/pdf/102725-PUB-Replacement-PUBLIC.pdf
Yusuf, S. (2014). Income inequality and economic growth: The effect of Gini coefficient on GNI (Master thesis, Umeå University). Retrieved from https://www.diva-portal.org/smash/get/diva2:1344997/FULLTEXT01.pdf