การนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 2) เพื่อเปรียบเทียบการนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตที่มีอายุ ระดับการศึกษา ชั้นยศ ระยะเวลาการรับราชการ และรายได้ต่อเดือน ต่างกัน 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ประชากร ได้แก่ ข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง Krejcie และ Morgan ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 165 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม แบบปลายปิดและแบบปลายเปิด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t - test ค่า F - test และทดสอบค่าคะแนนเฉลี่ยรายคู่โดยวิธี LSD (Least Significant Difference)
ผลการวิจัยพบว่า
การนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยรวม มีค่าแปลผล อยู่ในระดับมาก จำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา ชั้นยศ ระยะเวลาการรับราชการ และรายได้ต่อเดือน พบว่า โดยรวม มีค่าแปลผล อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านมโนสุจริต มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือด้านวจีสุจริต และด้านกายสุจริต มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
ผลการเปรียบเทียบการนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต จำแนกตาม ระยะเวลาการรับราชการ และรายได้ต่อเดือนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ระดับการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 ส่วนอายุ ชั้นยศ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการนำหลักสุจริต 3 ไปใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ปัญหา คือ บางคนมักจะทำตามใจตนเอง ไม่ค่อยพอเพียงในสิ่งที่ตนเองมีอยู่, บางคนขาดเมตตา กรุณาในผู้อื่น บางคนกล่าวคำไม่เพราะกับประชาชนที่มาติดต่อราชการ คดีความ เสียค่าปรับ แนวทางแก้ไข คือ หน่วยงานควรนิมนต์พระมาให้ความรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะสุจริต 3 และศีล 5 ที่ต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ข้าราชการตำรวจควรฝึกการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ควรกล่าวคำไพเราะกับประชาชนที่มาติดต่อราชการ และควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลตอบแทน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
พรชัย โชติวรรณ. (2550). ศึกษาหลักการของผู้นำชุมชนในการแก้ปัญหาความยากจนตามวิถีพุทธในจังหวัดนครศรีธรรมราช. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ปกครอง. มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
พัฒนะ จ้างประเสริฐ. (2547). จริยธรรมของข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครและความคิดเห็นของประชาชนต่อจริยธรรมของข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี. ใน วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารทั่วไป. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สมพร เทพสิทธา. (2525.). บทบาทของพุทธิกสมาคมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร: สมชายการพิมพ์.
สมสุข เกรียงไกร. (2549). การนำหลักจริยธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวันของคณะกรรมการหมู่บ้านในเขตอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ปกครอง. มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
เสาวรีย์ ตะโพนทอง. (2549). พฤติกรรมการนำศีล 5 ไปใช้ในชีวิตประจำวันของนิสิตนักศึกษา สถาบันอุดมศึกษารัฐบาล ในกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมนักวิจัย, 11(1), 27-36.
อนุจร เพชรา. (2549). การนำหลักจริยธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวันของข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช. ใน สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์การปกครอง. มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.