ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นที่มีต่อการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ของประชาชน ที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน ต่างกัน 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชากร ได้แก่ ประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในองค์การบริหารส่วนตำบลใน อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 11,235 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง Krejcie และ Morgan ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 375 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียว One - Way ANOVA (F- test) และเมื่อพบว่า ค่า F มีความแตกต่างจะทดสอบเป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD (Least Significant Difference)
ผลการวิจัยพบว่า
1) ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการมีส่วนร่วม มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านการเรียนรู้ ส่วนด้านการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ตามลำดับ จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน พบว่า อยู่ในระดับมาก
2) ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นที่มีต่อการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ของประชาชน มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือนต่างกัน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001.
3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ ควรส่งเสริมให้ประชาชนเรียนรู้ด้านศาสนา สนับสนุนการฝึกอบรม ศึกษาดูงาน ระดมความคิด สร้างเครือข่ายในด้านการเรียนรู้และควรมีการประสานความร่วมมือแบบบูรณาการ และสร้างเครือข่ายที่เพื่อการอนุรักษ์ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม ส่งเสริมการปรองดองและสมานฉันท์ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้เป็นไปตามหลักศาสนาของคนเอง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กิจพัฒน์ อาทรสิริรัตน์. (2557). บทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลและชุมชนในการส่งเสริม วัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น : กรณีศึกษา ไทยทรงดำ บ้านหัวเขาจีน หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยยางโทน จังหวัดราชบุรี. ใน รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง. มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
นารีมัน กาเจ. (2555). องค์การบริหารส่วนตำบลกับการส่งเสริมศิลปะพื้นบ้าน “ลิเกฮูลู” ของชาวไทยมุสลิมในท้องถิ่นกรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส. ใน รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศิริพร อรัญมิตร. (2554). “การศึกษาการดำเนินงานตามมาตรฐานการส่งเสริมศาสนาศิลปะ วัฒนธรรมและจารีตประเพณีท้องถิ่นของเทศบาลตำบลห้วยยาง อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น”. ใน รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศุภชาติ บุญยะเพ็ญ. (2556). การส่งเสริมงานวัฒนธรรมท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบล ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชานโยบายสาธารณะ. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ส่งศรี ชมภูวงศ์. (2554). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยวิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช.