ยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ใน 5 ด้าน คือ ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการ ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์ด้านนักท่องเที่ยว และ ยุทธศาสตร์ด้านการบริการ และเพื่อศึกษาสภาพปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข เกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยการวิจัยครั้งนี้ได้แบ่งการศึกษาไว้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ใช้แบบสอบถาม โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจากนักท่องเที่ยวจำนวน 400 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ ส่วนที่ 2 การสัมภาษณ์แบบเจาะลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 11 รูป/คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การหาค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ยมัชฌิมเลขคณิต ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เปรียบเทียบและวิเคราะห์ความแปรปรวนด้วย One-Way ANOVA และเปรียบเทียบพหุคูณ Multiple Comparison และการสรุปวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์
ผลการศึกษาได้ข้อค้นพบดังนี้ ระดับความคิดเห็นของนักท่องเที่ยว เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.78 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านบริหารจัดการ เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการที่ทางวัดมีอยู่แล้วอยู่ในระดับปานกลาง ด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์อยู่ในระดับปานกลาง ด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว และ ด้านนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับสูง ส่วนด้านบริการอยู่ในระดับปานกลาง
จากผลการทดสอบสมมติฐาน ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ ของนักท่องเที่ยวต่อความเห็นที่มีต่อยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พบว่า นักท่องเที่ยวที่มีเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ต่างกันจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยภาพรวม และในแต่ละด้านแตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ดังนั้น การจัดทำยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จะต้องคำนึงถึงความแตกต่างของนักท่องเที่ยวดังกล่าวด้วย
จากผลการสัมภาษณ์ ผู้ให้สัมภาษณ์เห็นตรงกันว่า หากนำยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มาใช้บริหารจัดการท่องเที่ยว ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารแล้ว ย่อมส่งผลให้การท่องเที่ยวภายในวัดมีความยั่งยืน ซึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดคือยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการ เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ ให้สำเร็จ ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ทางวัดควรมีแต่พอดี ด้านทรัพยากรการท่องเที่ยวนั้นควรบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น ด้านนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีคุณภาพ แต่ด้านการบริการนั้นควรพัฒนาปรับปรุงอีกหลายประการ สำหรับข้อเสนอแนะในการกำหนดยุทธศาสตร์การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนั้น ทางวัดควรจะเชิญผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ และ หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นคณะกรรมการ เพื่อมากำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย แผนบริหารจัดการออกมาให้ชัดเจน ก็จะทำให้การจัดการท่องเที่ยวภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ประสบผลสำเร็จและเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนได้
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ประภาส อินทนปสาธน์. (2546). การบริหารจัดการการท่องเที่ยวแบบชุมชนมีส่วนร่วม กรณี หมู่บ้านโคกโก่ง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์. ใน รายงานการศึกษาอิสระปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการพัฒนา. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ปรีดาพร อารักษ์สมบูรณ์. (2546). ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการบริหารจัดการของวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา. ใน วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต กลุ่มวิชาการบริหารองค์การและการจัดการ. มหาวิทยาลัยศรีปทุม.
พยอม ธรรมบุตร. (2543). ร่างโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน. กรุงเทพ: สถาบันพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พยูร นุ่นสุข. (2545). โครงการพัฒนาระบบมาตรฐานการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
พระครูสุนทรธรรมโสภณ และคณะ. (2548). จิตสำนึกของชาวพุทธที่ได้จากการเห็นต้นศรีมหาโพธิ์ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. 2548. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พิศาล ตันสิน. (2546). การออกแบบและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในลักษณะแนวคิด : กรณีศึกษาชุมชนบ้านทุ่งสูง จังหวัดกระบี่. ใน วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต วิทยาศาสตร์ (อุทยานและนันทนาการ). มหาวิทยาลัยศรีปทุม.