บทบาทของผู้นำชุมชนที่มีต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1
Main Article Content
บทคัดย่อ
สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 2) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 ประชากรในการวิจัย ได้แก่ ประชาชนในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช เขต 1 จำนวน 18,043 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของ Krejcie & Morgan ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 377 คน โดยเทคนิคในการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (Stratified sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยแยกประชากรออกเป็นกลุ่มประชากรย่อย ๆ แล้วสุ่มอย่างง่ายเพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของขนาดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ได้แก่ ใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
- บทบาทของผู้นำชุมชนที่มีต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 โดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านถนน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( =3.58) รองลงมา คือ ด้านไฟฟ้า มีค่าเฉลี่ย ( =3.52) ส่วนด้านขยะ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
( =3.16)
2. ปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 พบว่า ปัญหาน้ำประปาขุ่น เหลือง มีกลิ่น ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ น้ำประปาไม่ไหล หรือไหลน้อยกว่าที่ควร และท่อประปาแตกอยู่สม่ำเสมอ
สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 2) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 ประชากรในการวิจัย ได้แก่ ประชาชนในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช เขต 1 จำนวน 18,043 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของ Krejcie & Morgan ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 377 คน โดยเทคนิคในการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (Stratified sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยแยกประชากรออกเป็นกลุ่มประชากรย่อย ๆ แล้วสุ่มอย่างง่ายเพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของขนาดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ได้แก่ ใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. บทบาทของผู้นำชุมชนที่มีต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 โดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านถนน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( =3.58) รองลงมา คือ ด้านไฟฟ้า มีค่าเฉลี่ย (
=3.52) ส่วนด้านขยะ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (
=3.16)
2. ปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขต 1 พบว่า ปัญหาน้ำประปาขุ่น เหลือง มีกลิ่น ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ น้ำประปาไม่ไหล หรือไหลน้อยกว่าที่ควร และท่อประปาแตกอยู่สม่ำเสมอ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
จันทร์ทิพย์ นันทะ. (2558). สถานภาพและความจำเป็นในการคงอยู่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ชูวงศ์ ฉายะบุตร. (2559). การปกครองท้องถิ่นใหม่. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น.
ณัฐชนันท์ เชียงพฤกษ์ และคณะ. (2558). การวิจัยสภาพการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนชนบทบ้านโคกม่วง อำเภอโนนสังจังหวัดหนองบัวลำภู. วารสารวิจัย มสด สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 11(2), 9-28.
พระมหาธัชธร สิริมงฺคโล. (2557). การจัดการการท้องเที่ยวเชิงพุทธของวัดหนองแวง (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. ใน วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ยุทธนา จันแก้ว. (2557). การจัดการความขัดแย้งของตำรวจในสถานีตำรวจภูธรสีดา อำเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา. ใน วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ส่งศรี ชมภูวงศ์. (2554). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
สุพัฒพงศ์ แย้มอิ่ม. (2563). ความคิดและนวัตกรรมการเมืองการปกครองท้องถิ่น. นครศรีธรรมราช: โรงพิมพ์ประยูรการพิมพ์.
เอนก เหล่าธรรมทัศน์. (2557). เหตุอยู่ที่ท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: สถาบันคลังปัญญาค้นหายุทธศาสตร์เพื่ออนาคตไทย มหาวิทยาลัยรังสิต.