แนวทางการบริหารร่างกายที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริหารร่างกายของพระสงฆ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารร่างกายของพระสงฆ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารร่างกายที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ในจังหวัfฉะเชิงเทรา การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ พระสงฆ์ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 346 รูป โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหาอัตราส่วนของประชากร ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ พระสังฆาธิการ จำนวน 3 รูป พระลูกวัด จำนวน 2 รูป และบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 8 คน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด จำนวน 13 รูป/คน และการสนทนากลุ่ม 1 กลุ่ม จำนวน 9 รูป/คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด คือ 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิเคราะห์เนื้อหาแล้วเขียนบรรยายเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
1. พฤติกรรมการบริหารร่างกายของพระสงฆ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี
2. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารร่างกายของพระสงฆ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
3. แนวทางการบริหารร่างกายที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า พระสงฆ์สามารถทำการบริหารร่างกายที่เรียกว่า จักร 4 คือการปรับเปลี่ยนอิริยาบถทั้ง 4 ประการ คือ ยืน เดิน นั่ง และนอน เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุลโดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1) ควรบริหารร่างกายให้เหมาะสมกับอายุ และสภาพร่างกาย 2) ควรบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ๆ ละ 30 นาที 3) ควรบริหารร่างกายในช่วงที่ไม่หิวหรืออิ่มเกินไป หากฉันภัตตาหารไปแล้ว ควรรอหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง 4) ไม่ควรทำการบริหารร่างกายในสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าวหรือมีแดดจัด และ 5) ไม่ควรทำการบริหารร่างกายในช่วงที่ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบาย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2563). สรุปโครงการดำเนินงาน จำแนกตามโครงการ/กิจกรรมสำคัญปีงบประมาณ 2563. เรียกใช้เมื่อ 15 เมษายน 2563 จาก http://doc.anamai.moph.go.th/?r=str- project/listbyproject&pid=S2563P135
เกศรา สว่างวงศ์. (2561). พฤติกรรมสุขภาพ 4 มิติ ของพระสงฆ์ในเขตปกครอง คณะสงฆ์ภาค 6. ใน รายงานการวิจัย. วิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
เจตนิพัทธ์ พิธิยานุวัฒน์ และคณะ. (2563). พฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของพระสงฆ์ในอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา. ใน รายงานการวิจัย. วิทยาลัยสงฆ์พุทธโสธร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
เตชภณ ทองเติม และจีรนันท์ แก้วมา. (2562). กิจกรรมทางกายของพระภิกษุสูงวัยในจังหวัดศรีสะเกษ. วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้, 7(2), 49.
พรหมินทร์ เมธากาญจนศักดิ์ และคณะ. (2549). พฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของนักศึกษา วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ใน รายงานการวิจัย. วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วีรสิทธ หลงเจริญ. (2557). พฤติกรรมสุขภาพของพระสงฆ์ในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี. ใน งานนิพนธ์ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน. วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา.
อภิรักษ์ คำเสนาะ. (2549). การครองชีวิตเพื่อการส่งเสริมสุขภาพของพระสงฆ์ในอำเภอเมืองอุบลราชธานี. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อารมณ์ สนานภู่ และคณะ. (2548). การวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ 76 จังหวัด. ใน รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง.
Adamu et al. (2006). Physicalexercise and health: areview. Nigerian journal of medicine, 15(3), 190.
Eyler et al. (1998). Physical Activity and Minority Women: A Qualitative Study. Health Education & Behavior, 25(5), 640-652.
Hong et al. (2008). Factors affecting exercise attendance and completion in sedentary older adults: a meta-analytic approach. J Phys Act Health, 5(3), 385-397.