การประเมินโครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมลูกเสือ–เนตรนารี เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต โรงเรียนบ้านบางเนียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพังงา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินด้านปฏิกิริยา การเรียนรู้ พฤติกรรม และผลลัพธ์ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านบางเนียง จำนวน 151 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
- ด้านปฏิกิริยาพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับเป้าหมาย นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด และค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ งบประมาณมีความเหมาะสม
- ด้านการเรียนเรียนรู้ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นักเรียนมีความเข้าใจถึงพฤติกรรมการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นได้ และค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ นักเรียนมีความเข้าใจถึงพฤติกรรมการคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
- ด้านพฤติกรรม พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นักเรียนมีทักษะในการดำรงชีพ และค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ นักเรียนสามารถจัดการกับอารมณ์และความเครียดได้
- ด้านผลลัพธ์ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่
ตั้งไว้ และค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ปัญหาพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียนลดลง - แนวทางการพัฒนาด้านปฏิกิริยา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ควรร่วมกันดำเนินการประสานงานเพื่อขอรับการสนับสนุนทรัพยากรในด้านต่าง ๆ จากหน่วยงานต้นสังกัด จากหน่วยงานภายนอก ให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
- แนวทางการพัฒนาด้านการเรียนรู้ สถานศึกษาควรมีการบูรณาการ เปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับปัญหา อย่างเป็นรูปธรรม และควรขยาย สร้าง และพัฒนาเครือข่ายอย่างเป็นระบบ
- แนวทางการพัฒนาด้านพฤติกรรม นักเรียนต้องนำความรู้และทักษะที่ได้รับจากกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต ไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตอย่างถูกต้องและเป็นรูปธรรม
- แนวทางการพัฒนาด้านผลลัพธ์ สถานศึกษาต้องดำเนินการจัดกิจกรรมอย่างลูกเสือ-เนตรนารี เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตอย่างเป็นระบบตามขั้นตอนและมาตรฐานที่กำหนด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 -2570). เรียกใช้เมื่อ 18 กรกฎาคม 2566 จาก https://www.bic.moe.go.th
บัญชา โคตรแก้ว. (2561). การประเมินการจัดกิจกรรมลูกเสือวิสามัญของวิทยาลัยการอาชีพหนองกุงศรีสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. กาฬสินธุ์: วิทยาลัยการอาชีพหนองกุงศรีจังหวัดกาฬสินธุ์.
บุญส่ง อันอาสา และคณะ. (2556). สภาพปัญหาการบริหารการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดกาฬสินธ์ุ. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 7(3), 229-236.
รวิ เต็มวนาวรรณ. (2563). การบริหารงานลูกเสือกลุ่มโรงเรียนทับใต้สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
รัตน์ เกตุจันทร์ และคณะ. (2562). การพัฒนาโปรแกรมเพื่อส่งเสริมภาวะผู้นำลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม.
ศิริพงษ์ ศิริวารินทร์ และคณะ. (2557). แนวทางการบริหารงานกองลูกเสือสามัญ ในโรงเรียนขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา อุบลราชธานี เขต 2. วารสารบริหารการศึกษาบัวบัณฑิต, 3(14), 108-111.
สัญญา โต๊ะหนู. (2559). การศึกษาความสัมพันธ์ของกิจกรรมลูกเสือกับการเป็นพลเมืองดีในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา สังกัดเมืองพัทยา. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.
หทัยภัทร จีนสุทธิ์ และคณะ. (2563). รูปแบบการบริหารกิจกรรมลูกเสือเพื่อส่งเสริมทักษะชีวิตของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 3 ในจังหวัดนนทบุรี. วารสารพุทธสังคมวิทยาปริทรรศน์, 5(1), 51-52.
Shahrooz Farjad. (2012). The Evaluation Effectiveness of Training Courses in University by Kirkpatrick Model (Case Study: Islamshahr University). Procedia - Social and Behavioral Sciences, 46(1), 2837-2841.