การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการเพิ่มความรู้ของนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เรื่องการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ
คำสำคัญ:
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา, การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) สำหรับนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบคะแนนความรู้เฉลี่ยก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่มีประสบการณ์ต่างกัน กลุ่มตัวอย่าง นักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ อายุระหว่าง 23-35 ปี จำนวน 90 คน แบ่งผู้เข้าร่วมวิจัยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1 นักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่พึ่งสำเร็จการศึกษา 1-2 ปี กลุ่ม 2 นักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่มีประสบการณ์ทำงาน 3-6 ปี กลุ่มที่ 3 นักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 7 ปี กลุ่มละ 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่อง AED สำหรับนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบประเมินความรู้การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติสำหรับนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ค่า IOC เฉลี่ยเท่ากับ 0.75 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Paired-t test และ One-way ANOVA test
ผลการวิจัยพบว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) สำหรับนักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด (82.00/88.33 จากเกณฑ์ 80/80) และส่งผลให้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของผู้เข้าร่วมศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) สะท้อนถึงประสิทธิผลของสื่อดังกล่าวในการส่งเสริมการเรียนรู้ โดยเฉพาะในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา 1–2 ปี ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มที่จบมาก่อนหน้านี้อย่างมีนัยสำคัญ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้รับการออกแบบอย่างเป็นระบบ และช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับวิถีการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลที่ผู้เรียนสามารถเข้าถึงและทบทวนได้ทุกที่ทุกเวลา
เอกสารอ้างอิง
เกศราภรณ์ อุดกันทา, เพชรสุนีย์ ทั้งเจริญกุล และวิภาดา ศุภสุวรรณกุล. (2564). ผลของการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต่อความรู้ของพยาบาลเกี่ยวกับการจัดการชุดเครื่องมือผ่าตัดหัวใจ. วารสารการวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 37(2), 111-119.
สมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศไทย. (2561). แนวทางปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED). สมาคมฯ.
สุดารัตน์ วงศ์จุลชาติ และสุนีย์ อินทร์สิงห์. (2562). การเปรียบเทียบประสิทธิผลของการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง “หลักการพยาบาลเด็ก” กับวิธีการเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาล. วารสารการวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 35(2), 83-94.
อรพิน สว่างวัฒนเศรษฐ์, วรรณี ศรีวิลัย และกาญจนา เลิศถาวรธรรม. (2556). การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยหลักการและเทคนิคการดูแลบาดแผลและผลลัพธ์การเรียนรู้. วารสารพยาบาลตำรวจ, 5(1), 55-68.
ภัทรณัชชา โชติคุณากิติ และวรรณฤดี สุขสงวน. (2565). การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การออกแบบวิจัย. มหาวิทยาลัยรังสิต.
วิชัยญา แสงกะจิด, เพชรสุนีย์ ทั้งเจริญกุล และอภิรดี นันท์สุภาวัฒน์. (2563). การพัฒนาความรู้ของพยาบาลโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่องการช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิด. วารสารการพยาบาล, 47(4), 384-395.
Akkaya, M., Mustafa, K., Akkaya, H., & Karcio, G. (2012). Emergency Management in Sports Injuries. Journal Of Sports Medicine, 36(5), 415–423.
Akkaya, S., Serinken, M., Akkaya, N., & Karcioglu, Ö. (2012). Sport-Related Injuries in The Emergency Department: An Analysis Of 1636 Cases. Healthmed, 6(3), 977–982.
American Heart Association. (2018). Automated External Defibrillators: Guidelines for use in cardiac arrest. American Heart Association.
American Heart Association. (2020). Highlights of the 2020 American Heart Association Guidelines for CPR And ECC. American Heart Association. https://eccguidelines.heart.org
Chen, C.-C., Chai, M.-H., & Lin, P.-H. (2025). Exploring The Impact of Interactive Multimedia E-Books on The Effectiveness of Environmental Learning, Pro-Environmental Attitudes, And Behavioral Intentions Among Primary School Students. Journal of Computer Assisted Learning, 41(2), 348–363. https://Doi.Org/10.1111/Jcal.70087
García-Suárez, M., Méndez-Martínez, C., Martínez-Isasi, S., Gómez-Salgado, J., & Fernández-García, D. (2019). Basic Life Support Training Methods for Health Science Students: A Systematic Review. International Journal of Environmental Research and Public Health, 16(5), 768. https://Doi.Org/10.3390/Ijerph16050768
Gerbner, G., Gross, L., Morgan, M., & Signorielli, N. (1986). Living With Television: The Dynamics of The Cultivation Process. In J. Bryant & D. Zillmann (Eds.), Perspectives on Media Effects (pp. 17-40). Lawrence Erlbaum.
Horton, W. (2006). E-Learning By Design. Pfeiffer.
Launiala, A. (2009). How Much Can A KAP Survey Tell Us About People’s Knowledge, Attitudes And Practices? Some Observations from Medical Anthropology Research on Malaria In Pregnancy In Malawi. Anthropology Matters Journal, 11(1), 1-13.
Mayer, R. E. (2005). The Cambridge Handbook of Multimedia Learning. Cambridge University Press.
Rogers, E. M. (2003). Diffusion of Innovations (5th Ed.). Free Press.
Saengatid, S., Petsunee, N., & Apiradee, C. (2020). The Development of E-Book to Enhance Learning Achievement and Self-Directed Learning of Undergraduate Students. Journal of Education Studies, 48(2), 23-36.
Thangkratok, A., Palacheewa, P., Tongtham, N., & Lhimsoonthon, W. (2024). The Effectiveness of Interactive E-Books in Enhancing Students’ Learning Satisfaction and Achievement In Online Courses. Journal of Education and Learning Research, 17(1), 45-60.
Wijayantha, I. P. A., Agustini, N. I. P. I. B., Diyu, I. A. N. P., & Krisnandari, A. A. I. W. (2024). Development of Learning Methods Basic Life Support Based on E-Learning Program for Nurses: Literature review. Journal Info Kesehatan, 22(1), 41-58.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
แนวคิดและทัศนะในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ การนำบทความหรือส่วนหนึ่งของบทความไปตีพิมพ์เผยแพร่ ให้อ้างอิงแสดงที่มา และข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
