ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคมของผู้พ้นโทษ

Main Article Content

วีรวัฒน์ บุญนิกูล
สฤษดิ์ สืบพงษ์ศิริ
อารณีย์ วิวัฒนาภรณ์

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัย เรื่อง “ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคมของผู้พ้นโทษ”เป็นการศึกษาการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งวิธีการศึกษาในเชิงปริมาณโดยเป็นการใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยทางสังคม ลักษณะพฤติกรรมและกระบวนการในเรือนจำที่ส่งผลให้ผู้พ้นโทษประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนการกำหนดแนวทางการพัฒนาการขับเคลื่อนพันธกิจในการคืนคนดีสู่สังคมของกรมราชทัณฑ์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวย้อนหลังไป 5 ปี ไม่กลับมากระทำผิดซ้ำ ร้อยละ 79.41 ทั้งชายและหญิง มีการกลับมากระทำผิดซ้ำไม่แตกต่างกัน  กลุ่มที่ไม่กระทำผิดซ้ำส่วนใหญ่มีช่วงอายุ 26-35 ปี กระทำผิดคดีทั่วไป  มีระดับการศึกษาก่อนต้องโทษสูงกว่าและผ่านการอบรมแก้ไขในเรือนจำ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้พ้นโทษ (Case Study) จำนวน 15 ราย พบว่า ผู้พ้นโทษที่ประสบความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคม เพราะมีบุคคลที่รัก มีครอบครัวให้ความช่วยเหลือ ได้เข้าโปรแกรมการแก้ไขขณะอยู่ในเรือนจำ มีแรงบันดาลใจจากเพื่อนผู้พ้นโทษ และมีการวางแผนชีวิตก่อนพ้นโทษ ส่วนใหญ่ออกมาประกอบอาชีพอิสระ การสัมภาษณ์ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ส่วนใหญ่เห็นว่า ปัจจุบันเป็นยุคของการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยเพื่อคืนคนดีมีคุณภาพ โดยต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเน้นด้านการแก้ไขมากกว่าควบคุมเพื่อการลงโทษ  และให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการยอมรับผู้พ้นโทษ ข้อเสนอแนะกรมราชทัณฑ์ ควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยอย่างน้อย 2 ปี และควรมี Role Model ผู้พ้นโทษที่ออกไปแล้วประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ ควรมีระบบการดูแลแบบไร้ร้อยต่อ โดยใช้อาสาสมัครราชทัณฑ์ เข้ามาในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และช่วยติดตามดูแลหลังพ้นโทษ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
บุญนิกูล ว. ., สืบพงษ์ศิริ ส. ., & วิวัฒนาภรณ์ อ. . (2025). ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคมของผู้พ้นโทษ. รัฐศาสตร์สาร, 46(2), 102–138. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/282161
ประเภทบทความ
Articles

เอกสารอ้างอิง

หนังสือ

Denzin, N. K., & Lincoln, Y. S., Handbook of qualitative research, (Thousand Oaks, CA: Sage, 1994).

Everett, M. R., Diffusion of Innovations, (New York: Free Press, 1983).

บทความ

Bidola, V. R., R. D. Leon, E. Ignacio, M. J. Mori, S. N. Valdez, and J. Bernabe. “Life after Bars: A Narrative-Case Study of Ex-Convicts.” American Journal of Human Psychology 2, no. 1 (2024), 22–32. https://doi.org/10.54536/ajhp.v2i1.2554.

Curum, B., and B. B. Khedo. “AMBLE: A Context-Aware Mobile Learning Framework.” EAI Endorsed Transactions on Context-aware Systems and Applications 6, no. 19 (2019), 162824. https://doi.org/10.4108/eai.13-7-2018.162824.

Arreola, L. C., D. S. Mabbayad, N. M. Pilar, R. R. Bosito, J. C. Corpuz, and J. B. Galumba. “Lived Experiences of Ex-Offenders in Their Reintegration in the Community.” International Journal of Research and Innovation in Social Science 8, no. 8 (2024), 498–512. https://doi.org/10.47772/ijriss.2024.808040.

Irwin, J. and D.R. Cressey. “Thieves, Convict, and the Inmate Culture.” Social Problems 10 (1962), 142–155. https://doi.org/10.2307/799047.

Mohamad, M. S., et al. “Exploring Rehabilitation and Reintegration Efforts for Ex-Offenders: A Case Study of Malaysian Initiatives.” International Journal of Academic Research in Accounting, Finance and Management Sciences 14, no. 4 (2024), 1194–1206.

มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรี. “เรื่อง แนวทางรูปแบบการลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล.” มติคณะรัฐมนตรี, 10 กรกฎาคม 2544.

อิเล็กทรอนิกส์

กรมราชทัณฑ์.สถิติการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขัง. 2566. http://www.correct.go.th/recstats/ (สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2566).

นัทธี จิตสว่าง. ราชทัณฑ์. 2548. สืบค้นจาก http://www.nathee-chitsawang.com (สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2568).

Joyce, S. C. "The Reintegration Model from Prison to the Community: Ten Essential Factors for Successful Re-entry in Singapore." 2018. (website), https://researchprofiles.canberra.edu.au/en/studentTheses/the-reintegration-model-from-prison-to-the-community-ten- essentia#:~:text=These%2010%20critical%20factors%20are,%2C%20and%20step%2Ddown%20care. (accessed 3 March 2024).