การส่งเสริมแนวคิดสะเต็มศึกษารายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานที่ส่งเสริมแนวคิดสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน 3) เปรียบเทียบแนวคิดสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ประชากรของการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา จำนวน 160 คน กลุ่มตัวอย่างของการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 36 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานที่ส่งเสริมแนวคิดสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ 3) แบบวัดแนวคิดสะเต็มศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที
ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานที่ส่งเสริมแนวคิดสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 0.67–1.00 2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์หลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยแนวคิดสะเต็มศึกษาหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นอกจากนี้ผู้วิจัยได้สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนแบบมีส่วนร่วมและสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ โดยนักเรียนให้ความเห็นว่าความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แรงจูงใจในการเรียนรู้ และความร่วมแรงร่วมใจของสมาชิกกลุ่มส่งผลต่อแนวคิดสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
นโยบายการรับบทความ
กองบรรณาธิการวารสารสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น มีความยินดีรับบทความจากอาจารย์ นักศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาบริหารธุรกิจและภาษา ที่เขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ซึ่งผลงานวิชาการที่ส่งมาขอตีพิมพ์ต้องไม่เคยเผยแพร่ในสิ่งพิมพ์อื่นใดมาก่อน และต้องไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่นที่นำส่ง ดังนั้นผู้สนใจที่จะร่วมเผยแพร่ผลงานและความรู้ที่ศึกษามาสามารถนำส่งบทความได้ที่กองบรรณาธิการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองบทความพิจารณาจัดพิมพ์ในวารสารต่อไป ทั้งนี้บทความที่สามารถเผยแพร่ได้ประกอบด้วยบทความวิจัย ผู้สนใจสามารถศึกษาและจัดเตรียมบทความจากคำแนะนำสำหรับผู้เขียนบทความ
การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิและได้รับความเห็นชอบจาก กองบรรณาธิการ
ข้อความที่ปรากฏภายในบทความของแต่ละบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็น ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น และคณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในสถาบัน แต่อย่างใด ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทความเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะต้องรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหา ทัศนะ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความในวารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้นิพนธ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
- กองบรรณาธิการ วารสารสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
- ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
เลขที่ 1771/1 สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ซอยพัฒนาการ 37-39 ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250 ติดต่อกับคุณพิมพ์รต พิพัฒนกุล (02) 763-2752 , คุณอาริสา จิระเวชถาวร (02) 763-2600 Ext. 2704 Fax. (02) 763-2754 หรือ E-mail: JBAL@tni.ac.th
เอกสารอ้างอิง
Fortus, D., Krajcikb, J., Dershimerb, R. C., Marx, R. W., & Mamlok-Naamand, R. (2005). Design-based science and real-world problem solving. International Journal of Science Education, 27(7), 855–879.
Chamras Intalapaporn, Marut Patphol, Wichai Wongyai & Srisamorn Pumsa-ard. (2015). The study guidelines for learning management of the STEM Education for elementary students (in Thai). Veridian E-Journal Silpakorn University. 8(1), 62–74.
Chutipuk Kemwimoottiwong. (2017). Action research: student development for activities planning design of stem education with active learning (in Thai). Ganesha Journal, 13(2), 109–127.
Good, C. V. (1973). Dictionary of Education. New York, NY: McGraw-Hill Book.
Kamolchart Klomim. (2016). Learning management based on STEM education for student teachers (in Thai). Journal of Education Naresuan University, 18(4), 334–348.
Kolberg, L. (1976). “Moral stages and moralization : The cognitive development approach,” In T. Lickona (Ed.), Moral Development and Behavior: Theory and Research and Social Issues (pp. 31–53). New York, NY: Holt, Rienhart and Winston.
Komarraju, M., Karau, S. J., & Schmeck, R. R. (2009). Role of the big five personality traits in predicting college students' academic motivation and achievement. Learning and Individual Differences, 19(1), 47–52.
Lou, S. J., Shih, R. C., Diez, C. R. & Tseng, K. H. (2011). The impact of problem-based learning strategies on STEM knowledge integration and attitudes: An exploratory study among female Taiwanese senior high school students. International Journal of Technology and Design Education, 21(2), 195–215.
Ministry of Education. (2018). The Basic Education Core Curriculum, B.E. 2551 (Revised Edition, B.E. 2560) (in Thai). Bangkok, Thailand: Prigwan Graphic.
Ministry of Education. (2009). The Basic Education Core Curriculum B.E. 2551 (in Thai). Bangkok, Thailand: The Agricultural Co-operative Federation of Thailand.
Nanthacha Ammarit. (2016). An action research developing 10th grade students' scientific problem solving using problem-based learning strategies based on STEM education in the topic of work and energy (in Thai). (Master’s thesis). Retrieved from http://dcms.lib.nu.ac.th/dcms/TDC2560/468/Nanthacha%20Ammarit.pdf
Office of the National Education Commission. (2010). National Education Act of 1999 Amendment (No. 2) B.E. 2545 and (No. 3) 2010 (in Thai). Bangkok, Thailand: Office of Academics and Educational Standards.
Prasart Nuangchalerm. (2015). Learning Science in 21st Century (in Thai). Bangkok, Thailand: Chulalongkorn University Press.
Pacharee Kumsingsant, Khak Boonmatun, & Namthip Ongardwanich. (2017). Factors Affecting Science Process Skill Learning Management of Science Teacher the Office Phetchabun Primary Education Area Office 3 (in Thai). Paper presented at the 4th National Phetchabun Rajabhat University National Academic Conference, Phetchabun, Thailand.
Rodsarin Pantu, Chutipuk Kemwimoottiwong, Anodar Ratchawet, & Panupat Chaiworn. (2019). The model of STEM education leader teacher development for the school under Chiang Mai primary education service area office 2 (in Thai). Journal of Humanities and Social Sciences Thonburi University, 13(3), 133–144.
Somnuk Pattiyathanee. (2013). Educational Measurement (4th ed.) (in Thai). Kalasin, Thailand: Prasarn.
Suthida Chamrat. (2019). The definition of STEM and key features of STEM education learning activity (in Thai). STOU Education Journal, 10(2), 13–34.
Wallee Satayasai. (2004). Problem-Based Learning as a Student-Centered Learning (in Thai). Bangkok, Thailand: Booknet
Walton H. J. & Matthews M. B. (1998). Essentials of problem-based learning. Medical Education, 23(6), 542–558.
Wannisa Roikrong & Thitiya Bongkotphet (2019). STEM problem-based learning on exploration and production of petroleum topic to enhance of scientific literacy of the 9th grade students (in Thai). Social Sciences Research and Academic Journal, 14(3), 135–148.
Wheatley, G. H. (1991). Constructivist perspective on science and mathematics learning. Science Education, 75(1), 9–21.
