การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลรูปแบบโฆษณาบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก (Facebook Ads) ที่ทำให้ลูกค้าเป้าหมายเกิดความสนใจสินค้า : กรณีศึกษา เครื่องติดสติกเกอร์สำหรับธุรกิจ B2B ภายใต้บริษัท เจไอทีที อินเวนติ้ง จำกัด

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงทดลองเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลรูปแบบการโฆษณาที่ทำให้ลูกค้าเป้าหมายเกิดความสนใจสินค้าบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก (Facebook ads) กรณีศึกษา เครื่องติดสติกเกอร์สำหรับธุรกิจ B2B ภายใต้บริษัท เจไอทีที อินเวนติ้ง จำกัด ที่ต้องการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้วิจัยได้ข้อมูลสินค้าจากผู้เชี่ยวชาญภายในบริษัท รวมถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ของบริษัท ก่อนนำมากำหนดขอบเขตของงานวิจัยด้วยการทดลองผ่านการโฆษณาจริงบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก โดยเลือกวัตถุประสงค์การรวบรวมข้อมูลลูกค้า (lead generation) ทำการทดลองใน 2 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเจ้าของธุรกิจ และกลุ่มคนทำงานสายแพ็กเกจจิ้ง พร้อมกับทำการทดลองโฆษณาใน 3 ช่วงเวลา พร้อมสังเกตและวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อนำมาเปรียบเทียบประสิทธิผลที่ได้ในแต่ละครั้ง

ผลการวิจัยพบว่าในช่วงเวลาแรก โฆษณารูปแบบวิดีโอได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าทั้งสองกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่การทดลองช่วงที่ 2 หลังจากผ่านช่วงแรก 30 วัน โฆษณารูปแบบวิดีโอยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในกลุ่มเจ้าของธุรกิจ ในขณะที่โฆษณาแบบรูปภาพกลับได้ผลลัพธ์ดีกว่าในกลุ่มคนทำงานสายแพ็กเกจจิ้ง การทดลองช่วงที่ 3 มีการปรับเพิ่มช่องกรอกข้อมูลในโฆษณาเป็นแบบเน้นความตั้งใจของผู้กรอกข้อมูล (higher intent) เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ พร้อมกับเพิ่มงบประมาณต่อวัน รวมถึงเพิ่มระยะเวลาจาก 7 เป็น 14 วัน ผลคือ โฆษณาแบบรูปภาพยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในกลุ่มคนทำงานสายแพ็กเกจจิ้ง โดยที่อัตราการเกิดผลลัพธ์เฉลี่ยโดยรวมลดลงทั้งสอง กลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลลูกค้าเป้าหมายที่ได้จากการโฆษณา หลังจากติดต่อกลับพบว่าข้อมูลที่ได้ มีแนวโน้มการเป็นลูกค้าในสัดส่วนที่มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการทดลอง 2 ช่วงแรก แสดงให้เห็นว่ารูปแบบโฆษณาทั้งวิดีโอและรูปภาพต่างก็สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน และการปรับแบบฟอร์มการกรอกข้อมูล แม้ว่าจะได้จำนวนผลลัพธ์โดยรวมน้อยลง แต่ก็มีโอกาสได้ข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพมากกว่า