ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ความท้าทายเป็นฐาน วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการศึกษาและการเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู

Main Article Content

ประวิทย์ สิมมาทัน

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแผนการเรียนรู้ โดยใช้ความท้าทายเป็นฐาน วิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการศึกษาและการเรียนรู้ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระหว่างคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 แผน แผนละ 4 ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง มีค่าความสอดคล้อง ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 2) แบบประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 50 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น 0.73 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย Paired Samples t-test
          ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการประเมินคุณภาพแผนการเรียนรู้โดยใช้ท้าทายเป็นฐานที่สร้างขึ้น อยู่ในระดับดีมาก 2) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระหว่างคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนรู้ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ความท้าทายเป็นฐาน มีคะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สิมมาทัน ป. (2023). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ความท้าทายเป็นฐาน วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการศึกษาและการเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 20(3), 77–84. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/edu-rmu/article/view/265673
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กองทุนพัฒนานวัตกรรม. (2545). เพาะปลูกความคิด ให้ดอกผลทางเศรษฐกิจ. วารสาร MBA, 4(38), 79.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560). โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กาญจนา บุญภักดิ์. (2563). การเรียนรู้ ยุค New Normal. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. 19(2), 5.

ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์.(2564). การจัดการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลง. เอ็ม ดี แอล กราฟิก.

พิชา ประจุศิลป์, กอบกุล สรรพกิจจำนง และณรง สมพงษ์ (2560). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการเรียนรู้บนความท้าทายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีความพร้อมในการเรียนรู้โดยชี้นำตนเองแตกต่างกัน. วารสารสุโขทัยธรรมมาธิราช, 30(2), 114.

วิญญ์ทัญญู บุญทัน และคณะ. (2563). ผลการใช้รูปแบบการเสริมพฤฒพลังของผู้สูงอายุในชุมชน ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานและการเรียนรู้แบบท้าทาย. วารสารมฉกวิชาการ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 24(2), 232.

เสกสรร สุขเสนา และวสวัตติ์ วงศ์พันธุเศรษฐ์. (2564). การเรียนรู้โดยใช้ความท้าทายเป็นฐานเพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหาที่ถูกท้าทายในปัจจุบันของผู้เรียน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 18(1),112.

Apple Inc. (2008). Challenge Based Learning Take action and make a difference. Accessed July 15. Available, https://www.apple.com/ca/education/docs/Apple-ChallengedBasedLearning.pdf.

Apple Inc. (2011). Challenge Based Learning A Classroom Guide. July 15. Available, https://www.apple.com/br/education/docs/CBL_Classroom_Guide_Jan_2011.pdf.

Johan Malmqvist. (2018). From problem-based to challenge-based learning. Proceedings of the 11th International CDIO Conference, Chengdu University of Information Technology, Chengdu, Sichuan, P.R China, June 8-11.

Siemens. Georges. (2004). Connectivism A Learning Theory for the Digital Age. Retrieved April 21, http://www.elearnspace.org/Articles/connectivism.htm.