การรู้ดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ และ 2) ศึกษาระดับการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะครุศาสตร์ จำนวน 390 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.38-0.84 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.95 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันลำดับที่สอง
ผลการวิจัย พบว่า โมเดลการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครูมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่า Chi-square=620.735, df=394, p-value=.000, CFI=.975, TLI=.972, RMSEA=.038 และ SRMR=.049 องค์ประกอบที่สะท้อนการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครูเรียงตามค่าน้ำหนักองค์ประกอบจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการตระหนักรู้ทางสังคม (=0.970) ด้านการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ (
=0.946) ด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน (
=0.942) ด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (
=0.939) และด้านทักษะการคิด (
=0.907) นอกจากนี้ยังพบว่า ระดับการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครูในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (M=4.69, S.D.=0.58)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อกำหนดเบื้องต้นที่ผู้นิพนธ์(ผู้ส่งบทความ) ควรทราบ
1. ผู้นิพนธ์ที่ประสงค์จะลงตีพิมพ์บทความกับวารสาร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้รูปแบบใหม่ (Template 2563) โดยสามารถดูตัวอย่างได้ที่เมนู GUIDELINES
2. จะตีพิมพ์และเผยแพร่ได้ ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)
3. การประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) เป็นแบบ Double Blind
4. การอ้างอิงบทความใช้หลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) คลิก
5. บทความถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ไม่ผ่านการประเมิน ผู้นิพนธ์ขอยกเลิกเองหรือชำระเงินก่อนได้รับการอนุมัติ ทางวารสารไม่มีนโยบายการคืนเงิน
เอกสารอ้างอิง
คุรุสภา. (2567). เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรการศึกษาวิชาชีพครู พ.ศ. 2567. คุรุสภา.
จุฬารัตน์ บุษบงก์. (2567). สมรรถนะดิจิทัลของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ในยุคการศึกษา 4.0. วารสารสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย (สพบท.), 6(2), 105-120.
นิศารัตน์ วรรณสุข และ พงษ์เอก สุกใส. (2568). การศึกษาการรู้ดิจิทัลสำหรับครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 1. วารสารสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย (สพบท.), 7(2), 394-407.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 10). สุวิริยาสาส์น.
วันดี พรหมมา, อุดมพันธ์ พิชญ์ประเสริฐ และ จำเริญ อุ่นแก้ว. (2567). รูปแบบการพัฒนาการรู้ดิจิทัลของครูโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง. วารสารสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย (สพบท.), 6(4), 69-83.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (Classical test theory) (ฉบับปรับปรุง). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561-2580). กระทรวงการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.
สิริกาญจน์ หัวใจฉ่ำ. (2563). การพัฒนาตัวชี้วัดการรู้ดิจิทัล สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุพัฒตรา กลมกลิ้ง และ พุธิตา ศรียางนอก. (2567). การศึกษาความต้องการจำเป็นในการส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัลของนักศึกษาวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. วารสารครุพิบูล คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 11(1), 14-24.
อติราช เกิดทอง, ภูวดล บัวบางพลู และ ธีรพงษ์ จันเปรียง. (2567). การตรวจสอบความตรงของโมเดลการวัดความสามารถด้านความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของนักศึกษาฝกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี. วารสารวิชาการเครือข่ายบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ, 14(2), 123-138.
Bartlett, M. S. (1954). A note on the multiplying factors for various chi square approximations. Journal of the Royal Statistical Society: Series B (Methodological), 16(2), 296-298.
Browne, M.W., & Cudeck, R. (1993). Alternative Ways of Assessing Model Fit. Sage Publications, Newbury Park, CA. 136-162.
George, D., & Mallery, P. (2003). SPSS for Windows step by step: A simple guide and reference (4th ed.). Boston: Allyn & Bacon.
Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2019). Multivariate Data Analysis. Hampshire, Cengage Learning EMEA.
Hair, J., Black, W., Babin, B., & Anderson, R. (2010). Multivariate data analysis: A global perspective. Pearson.
Hobbs, R. (2010). Digital and media literacy: A plan of action (knight commission on the information needs of communities in a democracy). Washington, DC: Aspen Institute & Knight Foundation.
Hu, L.-t., & Bentler, P. M. (1999). Cutoff criteria for fit indexes in covariance structure analysis: Conventional criteria versus new alternatives. Structural Equation Modeling, 6(1), 1-55. https://doi.org/10.1080/10705519909540118
Ng, W. (2012). Can we teach digital natives digital literacy?. Computers & Education, 59(3), 1065-1078.
Purwanto, M. B., & Rosyidin, I. (2024). The Profile of a Prospective Teacher Candidate’s Digital Literacy: A Case Study on Faculty of Teacher Training and Education of PGRI University of Palembang. LIMEEMAS: Jurnal Ilmiah Pendidikan, 2(1), 35-45.
Tabachnick, B. G., & Fidell, L. S. (2007). Using multivariate statistics (5th ed.). Allyn & Bacon/Pearson Education.