การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
เทคโนโลยี;, การรายงาน;, การปฏิบัติงาน;, มาตรฐาน;, ดับเพลิงและกู้ภัยบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคลกับการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างได้แก่เจ้าหน้าที่ของกองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 จำนวน 152 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติหาค่าทีและการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และเปรียบเทียบค่าความแตกต่างด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการศึกษาพบว่า
- ปัจจัยส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 31-40 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ตำแหน่งข้าราชการ และ มีระยะเวลาส่วนใหญ่น้อยกว่า 1 ปี
- 2. การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า สมรรถนะของตนเองเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2.การใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ 3.การรับรู้ต่อการควบคุมจากภายนอก ด้านความเพลิดเพลินที่รับรู้ได้ 4.ความรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน และ 5.ความเพลิดเพลินต่อการใช้คอมพิวเตอร์มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สส่วน 6.ความกังวลต่อคอมพิวเตอร์มีค่าเฉลี่ยในระดับปานกลาง
- ปัจจัยส่วนบุคคลด้าน เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง และระยะเวลาในการปฏิบัติงานแตกต่างกันมีการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
- ปัจจัยส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 31-40 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ตำแหน่งข้าราชการ และ มีระยะเวลาส่วนใหญ่น้อยกว่า 1 ปี
- 2. การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า สมรรถนะของตนเองเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2.การใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ 3.การรับรู้ต่อการควบคุมจากภายนอก ด้านความเพลิดเพลินที่รับรู้ได้ 4.ความรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน และ 5.ความเพลิดเพลินต่อการใช้คอมพิวเตอร์มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สส่วน 6.ความกังวลต่อคอมพิวเตอร์มีค่าเฉลี่ยในระดับปานกลาง
- ปัจจัยส่วนบุคคลด้าน เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง และระยะเวลาในการปฏิบัติงานแตกต่างกันมีการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต่าง เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีการของ Sheffe
ผลการศึกษาพบว่า
- ปัจจัยส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 31-40 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ตำแหน่งข้าราชการ และ มีระยะเวลาส่วนใหญ่น้อยกว่า 1 ปี
- 2. การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในภาพรวม ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =76, S.D. = .387) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านสมรรถนะของตนเองเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ( = 4.02, S.D. = .551) รองลงมาได้แก่ ด้านการใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ ( = 4.26, S.D. = .699) ด้านการรับรู้ต่อการควบคุมจากภายนอก ( = 3.87 S.D. = .640) ด้านความเพลิดเพลินที่รับรู้ได้ ( =3.84, S.D. = .720) ด้านความรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน ( = 4.23, S.D. = .619) ด้านความเพลิดเพลินต่อการใช้คอมพิวเตอร์มี ( =3.75, S.D. = .883) และด้านความกังวลต่อคอมพิวเตอร์ ( =3.19, S.D. = 1.024)
- ปัจจัยส่วนบุคคลด้าน เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง และระยะเวลาในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกันมีการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการรายงานการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสํานักป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยของเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานครไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ณัฐปภัสร์ กุลางกูร. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยอมรับเทคโนโลยีของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ สังกัดสำนัก
ตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดในเขตพื้นที่ภาคใต้. สารนิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
พัฒนพงษ์ อินทนนท์. (2565). รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการบริหารงานแบบวิถีชีวิตแบบใหม่ เทศบาลตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสาธารณะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร. (2564). คู่มือการปฏิบัติงานสำนักป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัย. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://officialadmin.bangkok.go.th/public/.pdf.
สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566.
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน). (2564). แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ของประเทศไทย พ.ศ.
-2565. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.dga.or.th/ policy-standard/policy-
regulation/dga-019/dga-024/. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2552). สรุปผลที่สำคัญผู้ทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: บางกอกบล็อค.
โอภาส เอี่ยวสิริวงศ์. (2554). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
Chuttur, M. (2009). Overview of the Technology Acceptance Model: Origins, Developments and Future Directions. Sprouts: Working Papers on Information Systems.
Yamane, T. (1973). Statistic: An introductory Analysis. (3rd ed.). New York: Harper & Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารมหาจุฬาคชสาร

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.