การสื่อสารแบบมีส่วนร่วมของคนพิการทางการเห็นในฐานะ “ผู้ผลิต” เสียงบรรยายภาพ
คำสำคัญ:
-บทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่อง การสื่อสารแบบมีส่วนร่วมของคนพิการทางการเห็นในฐานะผู้ผลิตเสียงบรรยายภาพ มีเป้าหมายในการศึกษาเพื่อหาคำตอบว่า คนพิการทางการเห็นเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตเสียงบรรยายภาพในฐานะ “ผู้ผลิต” ได้มากน้อยเพียงใด และภายใต้เงื่อนไขอย่างไรบ้าง การศึกษาวิจัยใช้ รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (participatory action research) โดยออกแบบให้กลุ่มตัวอย่างที่พิการทางการเห็นและคนทั่วไปมาใช้ชีวิตทำกิจกรรมร่วมกันในลักษณะกิจกรรมเข้าค่าย งานวิจัยอาศัยแนวคิดการสื่อสารแบบมีส่วนร่วม แนวคิดการสื่อสารแบบลู่เข้าหากัน แนวคิดเกี่ยวกับเสียงบรรยายภาพ และแนวคิดเกี่ยวกับคนพิการ มาใช้เป็นแนวทางในการเข้าสู่ปัญหา การออกแบบงานวิจัย การสังเกต และการวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งนี้ การเก็บข้อมูลแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนเข้าสู่กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ช่วงระหว่างการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และช่วงหลังการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ซึ่งการเก็บข้อมูลใช้วิธีการสังเกต การสัมภาษณ์รายบุคคล การสัมภาษณ์กลุ่ม การสนทนากลุ่มย่อย และการอ่านบันทึกประจำวันของกลุ่มตัวอย่าง
ผลการวิจัยพบว่า การสื่อสารแบบมีส่วนร่วมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการรับรู้ ความเข้าใจ และพฤติกรรมต่อกลุ่มตัวอย่าง โดยช่วงแรกก่อนรู้จักกันเป็นความรู้สึก “แยกส่วนต่อกัน” แต่เมื่อได้เข้ามาทำกิจกรรมสร้างความคุ้นเคยกัน ทำให้เกิด “การรวมใจเป็นมิตรที่ดีต่อกัน” และหลังการผลิตเสียงบรรยายภาพ กลุ่มตัวอย่างรับรู้และเข้าใจว่า คนพิการทางการเห็นและคนทั่วไป “ทำงานและอยู่ร่วมกันได้” ทั้งนี้ ผลการวิจัยพบด้วยว่า คนพิการทางการเห็นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้ผลิตเสียงบรรยายภาพได้ โดยเงื่อนไขของการเป็นผู้ผลิตต้องออกแบบการทำงานเป็นทีมและมีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งคนเป็น คนที่มองเห็นภาพได้ และอุปกรณ์บางส่วนจำเป็นต้องเอื้อต่อการใช้งานสำหรับคนพิการทางการเห็นด้วย
การเปลี่ยนโครงสร้างระบบการผลิตงานเสียงบรรยายภาพที่ให้คนพิการทางการเห็นเข้ามามีส่วนร่วมในฐานะผู้ผลิต ต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนบางประการ ได้แก่ พื้นที่ที่ผู้คนเปิดใจยอมรับคนพิการ ผู้เอื้ออำนวยให้เกิดการสื่อสารแบบมีส่วนร่วม และการออกแบบกิจกรรมเพื่อสร้างความคุ้นเคยกันก่อนเริ่มต้นทำงาน แต่ปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดคือ การสร้างการรับรู้และความเข้าใจร่วมกันว่าคนพิการมีศักยภาพทำงานร่วมกับคนทั่วไปได