ภาวะความตายอย่างโดดเดี่ยว: สื่อสารภาพสะท้อนสังคมสูงวัย
คำสำคัญ:
ความตาย, ตายโดดเดี่ยว, ผู้สูงวัยบทคัดย่อ
บทความนี้เขียนขึ้นด้วยความสนใจในมิติภาวะการตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย แนวโน้มผู้สูงวัยที่อยู่ลำพังมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการดูแลสุขภาพ และก่อให้เกิดความท้าทายทางด้านต่างๆ ตามมา บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจแนวคิดการตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย ทำความเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งสำรวจปรากฏการณ์ของประเทศตะวันออก จากนั้นจึงเป็นการวิเคราะห์องค์ประกอบที่นำไปสู่การตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย เพื่อกระตุ้นให้สังคมพึงตระหนักรู้และพิจารณาหาแนวทางในการรับมือกับความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอด (super-aged society) ผลการศึกษาพบว่า องค์ประกอบที่นำไปสู่การตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ (1) ลักษณะภาวะทางเศรษฐกิจ ความตายอย่างโดดเดี่ยวเกิดขึ้นสอดคล้องกับโครงสร้างทางสังคมของประเทศ โดยเฉพาะภาวะทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้สูงอายุจำนวนมากจำเป็นต้องใช้ชีวิตลำพังห่างไกลลูกหลาน สังคมสมัยใหม่ที่กำกับด้วยทุนนิยม บีบให้คนต้องเคลื่อนย้ายตนเองไปสู่แหล่งที่สามารถหาทุน ดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงปากท้อง ดำรงชีวิต และหาเลี้ยงครอบครัว อาจต้องพาลูก สามี/ภรรยา ไปกับตนด้วย ในขณะที่จำต้องแยกห่างจากผู้สูงวัยซึ่งเป็นพ่อแม่ (2) ลักษณะครัวเรือนไร้บุตรหลาน โครงสร้างของครัวเรือนที่ “ไร้บุตรหลาน” มีสัดส่วนที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยไร้ลูกหลานเหล่านี้ไร้คนดูแล และไม่มีคนคอยช่วยเหลือ แบบไร้ญาติขาดมิตร และจะกลายเป็น “กลุ่มเปราะบาง” ของสังคมยุค “เกิดต่ำ อายุขัยยาว” และ (3) ลักษณะการดำเนินชีวิต ขาดการติดต่อกับสังคม การเสียชีวิตคนเดียวที่เป็นปรากฏการณ์อันน่าสลดใจ อาจสะท้อนถึงความล้มเหลวของสังคมรอบตัวผู้เสียชีวิต ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชน การขาดการติดต่อกับสังคม เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่อาจมาจากการที่ผู้สูงวัยห่างเหินจากญาติพี่น้อง หรือจงใจหลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลส่วนบุคคล

