สมรรถนะการปฏิบัติงานของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสมรรถนะการปฏิบัติงานของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อสมรรถนะของครูพระสอนศีลธรรมในการปฏิบัติงานในโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประศึกษาอุทัยธานี จำแนกตามสถานภาพทั่วไป และ 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประศึกษาอุทัยธานี ซึ่งการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ใช้วิธีการวิจัยเชิงผสมผสาน (Mixed Methods Research) ระหว่างเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงสำรวจ ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสำเร็จรูปการวิจัยทางสังคมศาสตร์
ผลการวิจัยพบว่า
- สมรรถนะการปฏิบัติงานของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี พบว่า สมรรถนะการปฏิบัติงานของครูสอนศีลธรรมในโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี โดยภาพรวม มีระดับสมรรถนะการปฏิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้าน พบว่า ด้านสื่อการเรียนการสอน มีระดับสมรรถนะการปฏิบัติงานอยู่ในระดับน้อย ส่วนในด้านที่เหลืออื่น ๆ มีระดับสมรรถนะการปฏิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง
- การเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นที่มีต่อสมรรถนะการปฏิบัติงานของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี โดยจำแนกตาม ตำแหน่ง ระดับการศึกษา อายุ และประสบการณ์การสอน พบว่า ระดับความคิดเห็นที่มีต่อสมรรถนะการปฏิบัติงานของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี ไม่แตกต่างกันจึงปฏิเสธสมมติฐานที่วางไว้
- แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี สามารถแยกรายด้านมีรายละเอียดดังนี้ คือ1) ด้านเนื้อหาหลักสูตรควรจัดหลักสูตรเสริมภายในโรงเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น 2) ด้านการจัดการเรียนการสอน ควรจัดการเรียนการสอนให้หลากหลาย ไม่ควรอยู่แต่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว 3) ด้านสื่อการเรียนการสอน ควรใช้สื่อการเรียนการสอนที่หลากหลาย ทันสมัย เช่น โปรเจคเตอร์ เพื่อชักจูงความสนใจของผู้เรียนให้มากกว่านี้ ด้านการวัดและประเมินผล สมควรประเมินผู้เรียนหลาย ๆ ด้าน เช่น ความรู้ ความประพฤติ
Article Details
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
References
2. คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). สำนักงาน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พุทธศักราช 2545 - 2549 กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์พริกหวานกราฟฟิค.
3. พระครูวรดิตถานุยุต (สังเวย คเวสโก). (2554). “ความคิดเห็นของครูและนักเรียนต่อบทบาทครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม”. วิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
4. พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ. (2553). การความคิดเห็นของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนผู้บริหารสถานศึกษาครูและนักเรียนที่มีต่อการดำเนินงานโครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 5. พิษณุโลก: โรงพิมพ์ เชนปริ้นติ้ง.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษา กรณีศึกษากรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรุงเทพมหานคร. ผลงานวิจัยของสภาการศึกษา.
5. Krejcie. R.V..and Morgan D.W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities.” Psycholological measurement. 30(3): 607-610.
6. Wool. S. and Sullivan. D. (2996). The United States magazine and Democratic review. New York: Kettell & Moore.