รูปแบบการบริหารการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมไทยของผู้บริหารโรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษา ตามหลักฆราวาสธรรม 4
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารการส่งเสริมด้านศิลป วัฒนธรรมไทย 2) สร้างรูปแบบการบริหารการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมไทย และ 3) ประเมินรูปแบบการบริหารการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมไทยของผู้บริหารโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ตามหลักฆราวาสธรรม 4 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพภาคสนาม โดยใช้แบบสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 25 คน การสนทนากลุ่มโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 8 รูป/คน ประเมินรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 15 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพการบริหารการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ด้านการวิจัยและพัฒนาศิลปวัฒนธรรม สภาพทั่วไปมีการประชุมปรึกษาระดมความคิดเห็นแนวทางพัฒนา ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ผู้บริหารสถานศึกษา ส่งเสริมให้มีบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทยในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ ด้านการเผยแพร่และถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม ผู้บริหารส่งเสริมให้มีการยกย่องเชิดชูเกียรติครู นักเรียน และบุคคลในชุมชนที่ช่วยส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ด้านการเฝ้าระวังศิลปวัฒนธรรม ผู้บริหารมีการรณรงค์ให้ความรู้แก่ชุมชนเพื่อตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบทางศิลปวัฒนธรรมต่างชาติที่มีต่อสถานศึกษา 2) ผลการสร้างรูปแบบการบริหารการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ตามหลักฆราวาสธรรม 4 พบว่า ด้านการวิจัยและพัฒนาศิลปวัฒนธรรม มี 9 รูปแบบ ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม มี 9 รูปแบบ ด้านการเผยแพร่และถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม มี 8 รูปแบบ ด้านการเฝ้าระวังศิลปวัฒนธรรม มี 13 รูปแบบ และ 3) ผลการประเมินรูปแบบการบริหารการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมไทยทุกด้าน มีความถูกต้อง ร้อยละ 98.33 อยู่ในระดับดีมาก ความเหมาะสมร้อยละ 100 อยู่ในระดับดีมาก ความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ ร้อยละ 97.49 อยู่ในระดับดีมาก ประโยชน์ ร้อยละ 91.16 อยู่ในระดับดีมาก
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
ปรีดา เหลือบแล, นงลักษณ์ ใจฉลาด และอนันต์ นามทองต้น. (2557). แนวทางการส่งเสริมการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดตาก.วารสารวิชาการเครือข่ายบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ, 4(6), 28-40.
ปวีณา ผาแสง. (2558). กระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการอนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นน่าน: กรณีศึกษา ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน. (รายงานการวิจัย). สถาบันวิทยาลัยชุมชน: วิทยาลัยชุมชนน่าน.
พระมหายศวิภรณ์ เปมสีโล (ตั้งคำ) และคณะ. (2561). การบูรณาการหลักฆราวาสธรรมกับการปฏิบัติตนของครอบครัวไทย ยุคไทยแลนด์ 4.0. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 3(2), 31-44.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มัณฑริกา วิฑูรชาติ. (2551). การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของสถานศึกษาเอกชนขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 1-2 ในเขตกรุงเทพมหานคร.(ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นำ). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2. (2563). แผนปฏิบัติการประจำปี 2563. (อัดสำเนา).
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: คุรุสภา.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. (2552). คู่มือศูนย์วัฒนธรรมในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.