รูปแบบการจัดการการฝึกประสบการณ์วิชาชีพนักศึกษาอาชีวศึกษา ในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของจังหวัดนครสวรรค์ ตามหลักอปริหานิยธรรม

Main Article Content

วิรัช ตั้งประดิษฐ์
วินัย ทองมั่น
วรกฤต เถื่อนช้าง

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ 2) สร้างรูปแบบการจัดการการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และ 3) ประเมินรูปแบบการจัดการการฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนักศึกษาอาชีวศึกษาในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของจังหวัดนครสวรรค์ตามหลักอปริหานิยธรรม เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกที่คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 15 คน ใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และการสนทนากลุ่มเฉพาะที่คัดเลือกแบบฉพาะเจาะจง รวม 12 รูป/คน และการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อประเมินรูปแบบฯ ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้อง โดยผู้เชี่ยวชาญที่เลือกแบบเฉพาะเจาะจงและให้ความร่วมมือการในการวิจัย รวม 17 รูป/คน ผลการวิจัย พบว่า 1) การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดฝึก ด้านการจัดทำแผนการฝึก ด้านการเตรียมการก่อนการจัดฝึก และการดำเนินการจัดการฝึก การนิเทศ ติดตาม กำกับดูแลการฝึก โดยสรุปจะดำเนินการร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ สถานศึกษา นักศึกษา และ และสถานประกอบการ 2) การพัฒนารูปแบบการจัดการการฝึกประสบการณ์วิชาชีพฯ พบว่า เป็นรูปแบบการจัดการการฝึกฯ ใน 4 ด้าน และ 7 หลัก ตามอปริหานิยธรรม ซึ่งจะต้องดำเนินการ ดังนี้ 1) จัดประชุมพบปะหารือร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย อย่างต่อเนื่องและบ่อยครั้ง 2) มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม 3) ไม่ลุอำนาจในการจัดการปรับแก้เองแต่เพียงฝ่ายเดียว 4) อยู่บนฐานของกฎระเบียบข้อบังคับของหน่วยงาน 5) มีการเคารพให้เกียรติกัน 6) มีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมขององค์กร และ 7) มีกิจกรรมการยกย่องให้รางวัลแก่ผู้เข้าร่วมการจัดการฝึก และ 3) ผลการประเมินรูปแบบการจัดการการฝึกประสบการณ์ฯ พบว่ารูปแบบมีมาตราฐานในความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้อง ซึ่งผลของการประเมินรูปแบบที่พัฒนาขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุดในทุกด้าน

Article Details

How to Cite
ตั้งประดิษฐ์ ว. ., ทองมั่น ว. ., & เถื่อนช้าง ว. . (2024). รูปแบบการจัดการการฝึกประสบการณ์วิชาชีพนักศึกษาอาชีวศึกษา ในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของจังหวัดนครสวรรค์ ตามหลักอปริหานิยธรรม . วารสารวิจยวิชาการ, 7(2), 319–336. https://doi.org/10.14456/jra.2024.50
บท
บทความวิจัย

References

พระมหาธรรมกรณ์ ปญญาสิริ (นวนสว่าง). (2556). ศึกษาวิเคราะห์รัฐศาสตร์ตามหลักอปริหานิยธรรม 7. (วิทยานิพนธ์ศาสนศาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์การปกครอง). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย.

วิทยาลัยอาชีพวศึกษาดรุณาราชบุรี. (2564). รายวิชาฝึกงาน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปวช. เข้าถึงได้จาก daruna.ac.th/PDFFiles/apt๐1-4.pdf

สมบัติ เจนสระคู และคณะ. (2561). การบริหารโรงเรียนของผู้บริหารตามหลักอปริหานิยธรรม 7 โรงเรียนการกุศลของวัด ทางพระพุทธศาสนา ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิชาการวิทยาลัยบริหารศาสตร์, 1(2),15-27.

สรายุทธ อุดม และคณะ. (2560). การวิเคราะห์วิธีการบริหารทางพุทธศาสนาที่ปรากฏในพระไตรปิฎก. วารสารธาตุพนมปริทรรศน์, 1(1), 1-14.

สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. (2551). แนวปฏิบัติการดำเนินการฝึกงาน. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.

อรัญชณา หนูชูสุข และรพีพรรณ สุวรรณณัฐโชติ. (2563). การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอเบตง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 3. ใน การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติ และนานาชาติครั้งที่ 11 (น.1253-1264). สงขลา : มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.

Abeydeera, S. R. (2016). Buddhism and Sustainability-Related Organizational Practices: A Sri Lankan Focus. (Doctor of Philosophy). New Zealand : Auckland University of Technology.