รูปแบบกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัยที่เน้นสาระท้องถิ่น เพื่อพัฒนาทักษะสมอง EF

Main Article Content

มนัส จันทร์พวง

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานการพัฒนารูปแบบ 2) สร้างและพัฒนารูปแบบ 3) นำรูปแบบไปทดลองใช้ และ 4) ศึกษาประสิทธิผลรูปแบบ ระเบียบวิธีการวิจัยแบผสานวิธีพหุระยะ เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากการศึกษา วิเคราะห์เอกสารงานวิจัย การศึกษาบริบทชุมชน ศึกษาความต้องการชุมชน สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์จากผู้มีส่วนได้เสีย จำนวน 200 คน การประชุมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยตัวแทนแกนนำผู้มีส่วนได้เสีย จำนวน 15 คน ตรวจสอบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน การประเมินความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ของการนำรูปแบบไปใช้ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำนวน 17 คน ครูปฐมวัย จำนวน 6 คน นักเรียน จำนวน 60 คน ผลการวิจัย พบว่า 1) ข้อมูลบริบทชุมชนสามารถนำมาพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยที่เน้นสาระท้องถิ่น จำนวน 6 หน่วยการจัดประสบการณ์ มีค่าความเหมาะสมสอดคล้อง IOC เท่ากับ 1.00  2) รูปแบบ คือ PHRAE Model ประกอบด้วย P : Participation by People, H : Heading for Early Childhood, R : Resources and Materials,  A : Active Learning และ E : Executive Functions (EF) 3) การนำหลักสูตรไปทดลองใช้ประเมินสามารถส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของเด็กปฐมวัย โดยภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 81.21 และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้สาระท้องถิ่น คิดเป็นร้อยละ 81.15 4) การประเมินพัฒนาทักษะสมอง EF นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรม ประสบการณ์หลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นสาระท้องถิ่นสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ด้านความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.63 และด้านความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.77 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.47

Article Details

How to Cite
จันทร์พวง ม. . (2025). รูปแบบกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัยที่เน้นสาระท้องถิ่น เพื่อพัฒนาทักษะสมอง EF. วารสารวิจยวิชาการ, 8(1), 273–290. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jra/article/view/272163
บท
บทความวิจัย

References

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. (2560). คู่มือแนวทางการจัดทำหลักสูตรของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. นนทบุรี : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด.

พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562. (2562, 30 เมษายน). ราชกิจจานุเษกษา, เล่มที่136 ตอนที่ 56 ก, หน้า 5-16.

พัชรา พุ่มชาติ (2565). การเรียนรู้โดยอิงปรากฎการณ์ส่งผ่านประสบการณ์จากมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ และโรงเรียนอูโลลา เมืองเอสปู ประเทศฟินแลนด์. วารสารจันทรเกษมสาร, 28(2), 157-172.

ศักดิ์ชัย ใจซื่อตรง. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ศิลปะที่ส่งเสริมทักษะการจัดการสมอง (EF) สำหรับเด็กปฐมวัย. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ : บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2561). คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สำหรับเด็ก อายุ 3-6 ปี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สุภาวดี หาญเมธี. (2562). รู้จักทักษะสมอง EF Executive Functions Skills. คู่มือพัฒนาทักษะสมอง EF Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย. กรุงเทพฯ : มติชน.

อรทัย บุญเที่ยง. (2562). ผลการศึกษาการบูรณาการจัดการเรียนรู้ทักษะทางสมองเพื่อชีวิตที่สำเร็จของครูผู้ดูแลเด็กในเขตพื้นที่กําแพงเพชร. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 9(1), 221-229.

อรุณี หรดาล. (2562). ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย. สักทอง: วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (สทมส.), 25(2), 1-11.

Saylor, J. G. & Alexander, W. M. (1974). Curriculum Planning for schools. New York : Holt, Rinehart & Winston.

Taba, H. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York : Harcourt Brace Jovanovich.