การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาเยอรมันเพื่อความเข้าใจด้วยกลวิธีการอ่านแบบ SQ3R : กรณีศึกษานักศึกษาวิชาเอกและวิชาโทภาษาเยอรมัน มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

Main Article Content

สุภาภรณ์ สุวรรณโอภาส

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและเปรียบเทียบผลคะแนนแบบทดสอบก่อนและหลังการใช้กลวิธีการอ่านภาษาเยอรมันในรูปแบบ SQ3R 2) ศึกษาและเปรียบเทียบ ผลคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ หลังการใช้วิธีการอ่านแบบ SQ3R และ 3) ศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อวิธีการอ่านแบบ SQ3R การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยประกอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งมีค่าความยากง่าย  เท่ากับ 0.67 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ 1) การทดสอบ T-test 2) ระดับคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ และ 3) การสัมภาษณ์ความคิดเห็นที่มีต่อวิธีการอ่านแบบ SQ3R เป็นรายบุคคล โดยกลุ่มประชากรที่ใช้ในงานวิจัยได้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี วิชาเอกภาษาเยอรมัน ที่เรียนวิชา German Reading I ประจำปีการศึกษาที่1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 7 คน และนักศึกษาวิชาโทภาษาเยอรมันที่เรียนวิชา German Reading I ปีการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 7 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ผลการวิจัย พบว่า 1) กลุ่มวิชาเอกภาษาเยอรมันมีผลคะแนนทดสอบก่อนเรียนสูงกว่ากลุ่มวิชาโทภาษาเยอรมันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ในขณะที่ผลคะแนนทดสอบหลังเรียนของทั้งสองกลุ่มสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ.05 และผลคะแนนทดสอบหลังเรียนของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน 2) กลุ่มประชากรทั้งสองกลุ่ม มีผลคะแนนพัฒนาการคำนวณจากคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนอยู่ในระดับกลาง และ 3) กลุ่มประชากรทั้งสองกลุ่มมีความคิดเห็นเชิงบวกทั้งในแง่ของความพึงพอใจและประโยชน์ที่ได้รับในการพัฒนาทักษะการอ่านและความเข้าใจภาษาเยอรมัน ความพึงพอใจที่มีต่อการการอ่านภาษาเยอรมันโดยใช้กลวิธีการอ่านแบบ SQ3R ของทั้งสองกลุ่มอยู่ในระดับพอใจมาก-มากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุวรรณโอภาส ส. . (2025). การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาเยอรมันเพื่อความเข้าใจด้วยกลวิธีการอ่านแบบ SQ3R : กรณีศึกษานักศึกษาวิชาเอกและวิชาโทภาษาเยอรมัน มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี . วารสารวิจยวิชาการ, 8(3), 159–174. https://doi.org/10.14456/jra.2025.62
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กัลยา ปริปัญญาพร, รัตนา พิกุลกานต์เลิศ และกนกวรรณ บุญมงคลวัฒน์. (2561). การจัดการเรียนรู้ภาษาเยอรมันในฐานะภาษาต่างประเทศ. วารสารครุศาสตร์, 46(4), 523-533.

จารุณี พรหมอนุมัติ. (2564). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้เทคนิค SQ3R ร่วมกับแผนผังความคิด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 4. e-Journal of Education Studies, Burapha University, 3(4), 31-45.

ภัทรลดา วงษ์โยธา, ชุลีพร นาหัวนิล และศุภวัฒน์ บุญนาดี. (2564). ผลการใช้เทคนิค SQ3R เพื่อพัฒนาความสามารถ ด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารพุทธสังคมวิทยาปริทรรศน์, 6(4), 1-15.

รัชชประภา วิจิตรโสภา, รุ่งฟ้า กิติญาณุสันต์ และปริญญา ทองสอน. (2563). การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการอ่านเเบบSQ3R เพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่านเเละพฤติกรรมการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสวน (จั่นอนุสรณ์). วารสารวิจัยทางการศึกษา, 15(1), 57-69.

ศิริชัย กาญจนวาสี.(2552) ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อาฟีฟี ลาเต๊ะ. (2564). การวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ : ไอ.เจ.สยาม.

Deese, J. & Deese, E.K. (1979). How to study. (3rd ed.). New York : McGraw Hill.

Der Lehrerfreund. (2021). Inhalt des Arbeitsblattes SQ3R. Retrieved from https://www.lehrerfreund.de/schule/1s/lesekompetenz-sq3r-arbeitsblatt/ 4105

Lutjeharms, M. (2001). Leseverstehen. In Deutsch als Fremdsprache. Ein internationales Handbuch. Handbücher zur Sprach und Kommunikationswissenschaft W. de Gruyter. New York : Berlin.

Lutjeharms, M. (2016). Leseverstehen. In Burwitz-Melzer, E., Mehlhorn, G., Riemer, C., Bausch, K-R. & Krumm, H-J. (Eds.), Handbuch Fremdsprachenunterricht : A. Frencke.

Ogle, D. M. (1986). K-W-L: A teaching model that develops active reading of expository text. The Reading Teacher, 39, 564-570.

Oxford, R. (1990). Language Learning Strategies: What Every Teacher Should Know. New York : Newbury House Publishers.

Rampillon, U. (1985). Lerntechniken im Fremdsprachenunterricht. Handbuch. Ismaning : Max Hueber Verlag.

Robinson, F. P. (1946). Effective Study. New York : Harper and Brothers.

Stauffer, R. G. (1969). Directing reading maturity as a cognition process. New York : Harper & Row.

Westhoff, G (1997). Fertigkeit Lesen. Berlin : Langenscheidt.