ความต้องการจำเป็นและแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานในรายวิชาแบดมินตัน สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานในรายวิชาแบดมินตันสำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ และ 2) สังเคราะห์แนวทางการสร้างรูปแบบการสอนวิชาแบดมินตันสำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ โดยมีวิธีเก็บข้อมูลประกอบไปด้วยแบบสอบถามความต้องการจำเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ จำนวน 245 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม และการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน ด้วยการคัดเลือกแบบเจาะจง ทั้งแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86 และ 1.00 ตามลำดับ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าดัชนีความสำคัญของลำดับความต้องการจำเป็นสำหรับแบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพอธิบายในลักษณะการพรรณนาสำหรับแบบสัมภาษณ์ ผลการวิจัย พบว่า 1) ความต้องการจำเป็นในการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานในรายวิชาแบดมินตัน สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ ที่ต้องให้ความสำคัญตามลำดับ พบว่า ด้านเครื่องมือที่ใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านผู้เรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.09 รองลงมา คือ ด้านการวัดและการประเมินผล ด้านวิธีการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.07 ด้านผู้สอน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.06 และด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.02 ตามลำดับ และ 2) แนวทางการสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานประกอบไปด้วย 4 แนวทางสำคัญคือ 2.1) การจัดการเรียนรู้ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์โดยจัดโครงสร้างเนื้อหาวิชาแบดมินตันให้สอดคล้องกับคำอธิบายรายวิชาตามหลักสูตรสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ 2.2) ให้ความสำคัญกับการสร้างบทเรียนแบบออนไลน์เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ก่อนเข้าชั้นเรียนและเพื่อทบทวนบทเรียนได้ด้วยตนเอง 2.3) กำหนดชองทางออนไลน์ให้สอดคล้องและไม่เพิ่มภาระด้านค่าใช้จ่ายให้กับผู้เรียนไปมากกว่าชั้นเรียนปกติ 2.4) มีแบบทดสอบวัดความรู้ เจตคติ และทักษะการปฏิบัติที่เน้นการประเมินตามสภาพจริง อีกทั้งแบบทดสอบต้องมีคุณภาพและมาตรฐานที่เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (2564). มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. เข้าถึงได้จาก https://www.mhesi.go.th/ index.php/component/tags/tag/2021-02-17-02-14-49.html
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2554). การจัดการเรียนรู้ ตามสภาพจริง. กรุงเทพฯ : สหมิตรพริ้นติ้ง แอนด์พับลิสซิ่ง.
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2543). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ : สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ภัทรชัย ปาดี และบุญจันทร์ สีสันต์. (2567). การประเมินความต้องการจำเป็นของครูต่อการบริหาร การจัดการเรียนการสอนออนไลน์สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 16(1), 167-178.
วัชระ เพชรคล้าย. (2566). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานรายวิชากลวิธีการฝึกกีฬาบาสเกตบอลสำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ. (วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สำนักงานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ. (2561). ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นระยะ 20 ปี. (พ.ศ.2560-2579). (อัดสำเนา)
สุวิทย์ เมษินทรีย์ (2563). โลกเปลี่ยน คนปรับ เตรียมคนไทยเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในโลกหลังโควิด-19. เข้าถึงได้จาก http://www.cai.ku.ac.th/.
Bergmann, J. & Sams, A. (2012). Flip your classroom: Reach every student in every class everyday. Retrieved from https://www.rcboe.org/cms/lib/GA0190 3614/Centricity/Domain/15451/Flip_Your_Classroom.pdf
Olivares, J. (2020). The Enhancement of English Speaking Ability of the Visually Impaired Students Using Blended Learning. Udon Thani Rajabhat University Academic Journal, 8(1), 56-72.
