รูปแบบการพัฒนาวัดเขตโบราณสถานที่ปรากฏในคัมภีร์จามเทวีวงศ์ เชิงพุทธบูรณาการ

ผู้แต่ง

  • พระครูวิโรจน์ชยาภรณ์ (ทนง ชยาภรโณ) วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • พระครูโกวิทอรรถวาที วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • พระมหาอินทร์วงค์ อิสฺสรภาณี วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การพัฒนาวัดเขตโบราณสถาน, จามเทวีวงศ์, พุทธบูรณาการ, รูปแบบ

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการพัฒนาวัดในเขตโบราณสถาน 2) ศึกษารูปแบบการพัฒนาวัดในเขตโบราณสถานเชิงพุทธบูรณาการ 3) เสนอรูปแบบการพัฒนาวัดตามคัมภีร์จามเทวีวงศ์เชิงพุทธบูรณาการ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการศึกษาข้อมูลเอกสาร การสัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่มเฉพาะ ผู้ให้ข้อมูลหลักประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 กลุ่ม รวม 20 รูป/คน ได้แก่ พระมหาเถระ เจ้าอาวาส นักโบราณคดี นักวิชาการพระพุทธศาสนา และข้าราชการท้องถิ่น

ผลการวิจัยพบว่า

  1. การพัฒนาวัดในเขตโบราณสถานควรยึดหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นความสงบเรียบง่าย ไม่กระทบโบราณสถาน ส่งเสริมการศึกษา การเผยแผ่ธรรมะด้วยเทคโนโลยี การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการมีส่วนร่วมของชุมชน
  2. แนวทางพุทธบูรณาการควรดำเนินการตามแนวคิด 3E ได้แก่ Education (การศึกษาอบรมพระสงฆ์และเยาวชน) Engineering (ออกแบบพัฒนาพื้นที่ให้กลมกลืน) และ Enforcement (ควบคุมและดูแลกิจกรรมอย่างเหมาะสม) ควบคู่กับหลักสัปปายะ 7 เพื่อความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์ทางศาสนา
  3. การพัฒนาในคัมภีร์จามเทวีวงศ์เสนอรูปแบบ DEVIVONG ซึ่งประกอบด้วยการค้นหาและประเมิน (Discovery) การรวบรวมข้อมูล (Evidence) การตั้งเป้าหมาย (Vision) การวางแผนและบูรณาการ (Integration) การบูรณะและตรวจสอบ (Validation) การสร้างการมีส่วนร่วม (Outreach) การติดตามผล (Next steps) และการกำกับตามกฎหมาย (Governance) ซึ่งเป็นแนวทางที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ควบคู่กับการพัฒนาวัดอย่างยั่งยืนในมิติทั้งทางวัฒนธรรม สังคม และจิตวิญญาณ

เอกสารอ้างอิง

ชาญคณิต อาวรณ์, สายกลาง จินดาสุ, ภิญญพันธ์ พจนะลาวัณย์, และเพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์. (2558). แนวทางการเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการโบราณสถานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจจากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.

ทิพย์วดี โพธิ์สิทธิพรรณ. (2556). การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ตำนานโบราณสถานวัดเวียง เศรษฐี (ร้าง) ตำบลหนองแฝก อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น, 7(1), 67-78. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/FEU/article/view/24756

เทพประวิณ จันทร์แรง. (2559). สภาพและแนวทางการอนุรักษ์โบราณสถานที่ปรากฏในคัมภีร์จามเทวีวงศ์. วารสารบัณฑิตวิจัย, 7(1), 137-138. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/banditvijai/article/view/96477

พระครูวาปีจันทคุณ, พระอธิการสมหมาย อตฺถสิทฺโธ, พระอธิการวงศ์แก้ว วราโภ, สุทธิพันธ์ อรัญญวาส, สังเวียร สาผาง, และสนั่น ประเสริฐ. (2559). รูปแบบการจัดการความรู้แหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาในจังหวัดร้อยเอ็ด. สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/770

พระครูอรัญชัยธัช (ธวัชชัย ธนวํโส). (2561). บทบาทของพระนางจามเทวีในการสร้างมั่นคงทางพระพุทธศาสนาในจังหวัดลำพูน [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระโพธิรังสีเถระ. (2473). จามเทวีวงษ์ พงศาวดารเมืองหริภุญไชย. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร.

พระมหาอินทร์วงค์ อิสฺสรภาณี. (2565). แนวคิดทางด้านพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในคัมภีร์จามเทวีวงศ์. วารสารปัญญา, 29(1), 37-46. https://so06.tci-thaijo.org/index.php/panya-thjo/article/view/254408

พระราชวชิระเมธี (วีระ), อัญชรี กัลปพฤกษ์, สุภิตรา ตัณศลารักษ์, และธีรวัฒน์ แสนคำ. (2557). การพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

เพ็ญพิตรา แสงสุข. (2561). ศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธจริยธรรมที่ปรากฏในวรรณกรรมจามเทวีวงศ์. วารสารจิตวิทยาพุทธศาสตร์ประยุกต์เพื่อสังคม, 4(2), 229–236. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/human/article/view/165159

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-31

รูปแบบการอ้างอิง

ทนง ว., แสงแก้ว อ., & วงค์ไชยคํา อ. (2025). รูปแบบการพัฒนาวัดเขตโบราณสถานที่ปรากฏในคัมภีร์จามเทวีวงศ์ เชิงพุทธบูรณาการ. ปัญญา, 32(2), 107–116. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/panya-thjo/article/view/283301

ฉบับ

ประเภทบทความ

Reserch Article