การพัฒนารูปแบบการสอบทางคลินิกเชิงโครงสร้างแบบปรนัยในการวัดทักษะทางคลินิกของนักเรียนปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์

ผู้แต่ง

  • นุชปิยา ทองโชติ กรมแพทย์ทหารเรือ

คำสำคัญ:

การประเมินผลภาคปฏิบัติ, การสอบทางคลินิกเชิงโครงสร้างแบบปรนัย, นักเรียนเวชกิจฉุกเฉิน

บทคัดย่อ

การสร้างและพัฒนาวิธีการประเมินผลภาคปฏิบัติ เพื่อวัดทักษะทางคลินิกโดยการสอบทางคลินิกเชิงโครงสร้างแบบปรนัย ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การสร้างผังข้อสอบ 2) การพัฒนาโจทย์สถานการณ์ 3) การฝึกอบรมครูผู้ประเมิน 4) การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ จัดสอบจำนวน 3 สถานการณ์ สถานีละ 10 นาที กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนโรงเรียนนาวิกเวชกิจ จำนวน 20 คน

ผลการวิจัยมีดังนี้ 1. ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือรายข้อ ได้แก่ 1)  การวิเคราะห์หาดัชนีความยากของงาน พบว่า ผู้ตรวจคนที่ 1 มีค่าดัชนีความยากของสถานการณ์ที่ 1, 2 และ 3 มีค่าเท่ากับ 0.69, 0.71 และ 0.69 ตามลำดับ และ ผู้ตรวจคนที่ 2 ค่าดัชนีความยากของสถานการณ์ที่ 1, 2 และ 3 มีค่าเท่ากับ 0.70, 0.73 และ 0.69 ตามลำดับ  2) ค่าดัชนีอำนาจจำแนกของผู้ตรวจคนที่ 1 ในสถานการณ์ที่ 1, 2 และ 3 มีค่าเท่ากับ 0.74, 0.26 และ 0.74 ตามลำดับ ค่าดัชนีอำนาจจำแนกของผู้ตรวจคนที่ 2 ในสถานการณ์ที่ 1, 2 และ 3 มีค่าเท่ากับ 0.74, 0 และ 0.38 ตามลำดับ  2. การตรวจคุณภาพเครื่องมือทั้งฉบับ ได้แก่ 1) ตรวจสอบความตรงตามเนื้อเรื่อง เท่ากับ 0.66 2) ความเที่ยงระหว่างผู้ประเมิน โดยหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียรสันในสถานการณ์ที่ 1,2 และ 3 มีค่าเท่ากับ 0.88, 0.98 และ 0.97 ตามลำดับ และหาค่าสัมประสิทธิ์การสรุปอ้างอิงความน่าเชื่อถือของผลการวัด PXSXR design พบว่า ค่าความน่าเชื่อถือของการวัดสำหรับการตัดสินใจเชิงสัมพัทธ์ ( gif.latex?\rho^gif.latex?\delta2) มีค่าเท่ากับ 0.49 และความน่าเชื่อถือของการวัดสำหรับการตัดสินใจเชิงสัมบูรณ์ (gif.latex?\rho^gif.latex?\Delta 2) มีค่าเท่ากับ 0.48 ถ้าต้องการความเที่ยงอย่างน้อย 0.70 ในการทดสอบควรมีผู้ประเมิน จำนวน 5 คน

 

เอกสารอ้างอิง

กมลวรรณ ตังธนกานนท์. (2563). การวัดและประเมินทักษะการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

รุ่งนภา นาคะภากร. (2540). การพัฒนาการสอบทางคลินิกเชิงโครงสร้างแบบปรนัยในการวัดทักษะทางคลินิกสำหรับนักศึกษาพยาบาล. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเพทฯ.

ศิริชัย กาญจนวาสี. (2555). ทฤษฎีการทดสอบแนวใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ศิริวรรณ ชูกำเนิด และสุระพร ปุ้ยเจริญ. (2560). The use of Objective Structured Clinical Examinationin Nursing Education. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(3), 240.

American Heart Association. (2017). Get with the guidelines-resuscitation overview. Retrieved 14 December 2020, from https://www.heart.org/en/professional/quality-improvement/get-with-the-guidelines/get-with-the-guidelines-resuscitation/get-with-the-guidelines-resuscitation-overview#.WPefZ4jyv6Q.

Conn, C. A., Bohan, K. J., Pieper, S. L., & Musumeci, M. (2020). Validity inquiry process: Practical guidance for examining performance assessments and building a validity argument. Studies in Educational Evaluation, 65. doi:10.1016/j.stueduc.2020.100843.

Kamran Khan, Kathryn Gaunt, Sankaranarayanan Ramachandran, & Pushkar, P. (2013). The Objective Structured Clinical Examination (OSCE) AMEE Guide No.81. Part2: Organisation & Administration. MedicalTeacher, 35,e1447-e1463. doi:https://doi.org/10.3109/0142159X.2013.818635.

Lee, K. C., Ho, C. H., Yu, C. C., & Chao, Y. F. (2020). The development of a six-station OSCE for evaluating the clinical competency of the student nurses before graduation: A validity and reliability analysis. Nurse Educ Today, 84, 104247. doi:10.1016/j.nedt.2019.104247

Miller, G. (1990). The assessment of clinical skill/competence/performance. Academic Medical education, 65, S63-S67.

Shinnick, M. A., & Woo, M. A. (2018). Validation of time to task performance assessment method in simulation: A comparative design study. Nurse Educ Today, 64, 108-114. doi:10.1016/j.nedt.2018.02.011.

.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-08-17

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย