สุนทรียภาพของกลิ่นไทย: กรณีศึกษา เครื่องหอมไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
ปัจจุบันนี้ ธุรกิจการออกแบบในประเทศไทยต่างมุ่งวิจัยหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าโดยผ่านนวัตกรรมการออกแบบที่เน้นความต้องการของมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human Centered Design) แนวความคิดนี้ได้รับการต่อยอดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หัวใจสำคัญคือ การเข้าถึงความรู้สึกและความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีและมีความแยบยล การออกแบบลักษณะนี้มุ่งเน้นให้งานออกแบบตอบสนองทางอารมณ์ให้กับลูกค้าโดยผ่านกระบวนการออกแบบหรือที่เราเรียกว่า Emotional Design ซึ่งหนึ่งในวิธีคิดนี้ได้เชื่อมกับการออกแบบประสาทสัมผัส (Sensory Design) ที่กล่าวถึงการใช้ผัสสะทั้งห้า โดยเฉพาะผัสสะเกี่ยวกับกลิ่น (Scent) ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยในฐานะเป็นนักวิจัยด้านการออกแบบกลิ่น ได้มีโอกาสทำการค้นคว้าและสังเกตการณ์งานออกแบบที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นในประเทศไทย ค้นพบว่าการออกแบบกลิ่นของไทยมีความหลากหลาย หากแต่กลิ่นแบบไทยไม่มีแม่แบบที่ตายตัว ต้นแบบของกลิ่นมักมาจากต่างประเทศหรือใช้การสังเคราะห์กลิ่นตามลักษณะดอกไม้ในประเทศ กลิ่นที่นำมาใช้จึงมักเพื่อแสวงหาความหอมของกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นดั้งเดิมหากปราศจากความเข้าใจถึงคุณค่าทางศิลปะการสร้างสรรค์กลิ่นดั้งเดิม จึงทำให้ลักษณะของกลิ่นที่ใช้มีลักษณะคล้ายคลึงกันและไม่มีอัตลักษณ์ สำหรับในแง่มุมของศิลปะ ต้องยอมรับว่ากลิ่นนั้นไม่สามารถวัดค่าด้วยมาตรฐานทางศิลปะโดยง่าย ทำให้การวิจัยด้านข้อมูลของกลิ่นนั้นยังขาดแก่นแท้ของความเข้าใจในสุนทรียภาพของกลิ่นโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับกลิ่นในวัฒนธรรมไทย ผู้วิจัยจึงทำการวิเคราะห์ สังเคราะห์ จากเอกสารและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อค้นหาสุนทรียภาพของกลิ่นไทยโดยใช้กรณีศึกษาเรื่องเครื่องหอมไทยผ่านมุมมองทางมานุษยวิทยา ซึ่งได้ผลลัพธ์ว่าสุนทรียภาพของเครื่องหอมไทยจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการโยงเข้าสู่ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมจึงจะเกิดประสบการณ์สุนทรียะ โดยผู้วิจัยคาดหวังว่า บทความนี้จะกระตุ้นการศึกษาด้านสุนทรียภาพทางกลิ่นและเกิดความตระหนักจนสามารถนำแนวคิดนี้ไปพัฒนาสร้างแม่แบบของกลิ่นไทยได้ในอนาคต
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผู้เขียนจะต้องลงนามในแบบฟอร์มรับรองบทความ เพื่อให้คำยืนยันความรับผิดชอบว่า บทความของผู้เขียนนั้นไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน พร้อมรับทราบว่า กระบวนการส่งบทความเข้าพิจารณาและตีพิมพ์ในวารสารไทยคดีศึกษานั้น จะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ยกเว้น ในกรณีที่ผู้เขียนขอยกเลิกการตีพิมพ์บทความในวารสารไทยคดีศึกษาไม่ว่าด้วยสาเหตุใด และหลังจากบทความนั้นเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิไปแล้ว ผู้เขียนจะต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกระบวนการประเมินเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน)
เอกสารอ้างอิง
Chamjaraj, P. (2017). หมอฝรั่งในสยาม [A Physician at the court of Siam]. Bangkok: Saengdao press.
Courtney D. Fugate & John Hymers. (2013). Metaphysics. A Critical Translation with Kant’s Elucidations. London: Bloomsbury Publishing.
Deesawadi, N. (2017). การถ่ายทอดเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์แบบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่าง เมืองเพชรบุรี และราชสำนักสยามด้วยสื่อดิจิทัล [To convery a narrative of the historical anecdotes between Phetchaburi and Siamese Royal Court by digital medias]. National Research.
Deesawadi, N. (2019). แนวทางการนำกลิ่นมาใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์: กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์ เอสโตเนียนเฮลธ์แคร์ ประเทศเอสโตเนีย และพิพิธภัณฑ์เฮลซิงกิซีตี้ ประเทศฟินแลนด์ [How to use scents to support knowledge and learning in the museum: Case Studies of Estonian Health Care Museum in Estonia and Helsinki City Museum in Finland]. Veridian Journal, 12(2), 804 - 816.
Ewelina Wnuk & Asifa Majid. (2014). Revisiting the Limits of Language: the odor lexicon of Maniq. Retrieved October 15, 2020, from https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0010027713002527.
Hengliein, M. (2019). The Global Holistic in Aromatherapy. Global Holistic in Aromatherapy Seminar.
Howard, C. (1982). Aesthetics and Civil Society: Theories of Art and Society, 1640 - 1790. UK: University of Sussex.
Howes, D. (1994). Aroma: The Cultural History of Smell. USA.
Howes, D. (1994). Anthropology of Odor. Retrieved August 18, 2020, from https://www.davidhowes.com/senses/Consert-Odor.htm/.
Howes, D. (2000). The Aesthetics of Mixing the Senses. Retrieved September 3, 2020, from https://static1.squarespace.com/static/57991 dcdd2b85767342862e2/t/5cf69b87244df70001cf6e51/155966 5552206/
Konstan, D. (2014). Beauty - The Fortunes of an Ancient Greek Idea. New York: Oxford University Press.
Krishna, A. (2009). Sensory Marketing. UK: Routledge Press.
Prajak Silapakhom, HRH Prince. (1914). เรื่องนางนพมาศหรือตำหรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ [The story of Nang Noppamas or Thao Sri Chulalak Vacjirayanahira Library edition]. Cremation volumes of king’s concubine Sangwan.
Phonimdaeng, B. (2014). เครื่องหอมภูมิปัญญาไทย [The wisdom of Thai Fragrances]. Bangkok: Sathaporn Publishing.
Pongwut, N. (2008). พืชสมุนไพร กับการปรุงเครื่องหอมไทย [Herbs and Thai Fragrances]. Bangkok: Pimthong Press.
Royal Institute Dictionary. (2011). Retrieved October 2, 2020, from https://dictionary.orst.go.th/
Sanitwong Na Autthaya, T. (1998). เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก [When grandmother and grandfather were young]. Bangkok: Silpabannakarn Press.
Shinner, L. (2020). Art Scents: Exploring the Aesthetics of Smell and the Olfactory Arts. UK: Oxford Univrsity Press.
Siam Observer. (1917). หนังสือพิมพ์สยาม [The Siam Observer] 42(2), July. National Library of Thailand.
Sperber, D. (1975). Rethinking symbolism. UK: Cambridge University Press.
Sunthornphu. (1963). รำพันพิลาป [Rampun Pilap]. Cremation volumes of Phra Mongkhon.
Thavornthanan, C. (1988). กระบวนรสในวรรณคดีไทย [Rasa in Thai literacture]. Dhurakij Pundit University Journal, 2, 88.
Tripitaka. (n.d.). พระไตรปิฎก [Tripitaka]. Retrieved October 9, 2021, from https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=20&siri=124
Tisserand, R. (2004). The art of aromatherapy. USA. C.W.Daniel.
Veerasilchai, S. (2006). หอมติดกระดาน [Fragrances on woods]. Bangkok: Mathichon Press.
Wilson, D. A. & Stevenson, R. J. (2006). Learning to smell: Olfactory perception from neurobiology to behavior. Johns Hopkins University Press.