Submissions
Submission Preparation Checklist
As part of the submission process, authors are required to check off their submission's compliance with all of the following items, and submissions may be returned to authors that do not adhere to these guidelines.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และต้องไม่อยู่ในกระบวนการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งตีพิมพ์ใด มีความน่าสนใจและมีความทันสมัย
- บทความมีองค์ประกอบดังนี้ ชื่อเรื่อง ชื่อ-สกุลผู้แต่งทุกคน บทคัดย่อ คำสำคัญ (keywords) ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และระบุสถานที่ทำงานพร้อม e-mail ของผู้แต่งทุกคน
- บทความใช้ขนาดกระดาษ A4 แบบหน้าเดียว ความยาวไม่เกิน 16 หน้า ใช้อักษร TH SarabunPSK ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยได้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมต้นฉบับบทความเรียบร้อยแล้ว
- การอ้างอิงในเนื้อหา และเอกสารอ้างอิงท้ายบทความใช้ตามหลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้องไม่มีปัญหาการลอกเลียนงานวิชาการ (Plagiarism)
- ผู้เขียนลงทะเบียนเพื่อใช้งานระบบ Thaijo 2.0 และส่งบทความทางออนไลน์ผ่านระบบ ที่ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tmd/index
- ประสานงาน พร้อมทั้งส่ง “แบบฟอร์มเสนอบทความเพื่อพิจารณาการตีพิมพ์” มาที่บรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร E-mail monkde2563@gmail.com เบอร์โทรศัพท์ 098-438-2888
Author Guidelines
คำแนะนำสำหรับผู้เขียน
เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เป็นต้นไป
1. นโยบายการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาวิทยากร |
วารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร ISSN: 2985-0797 (Online) เป็นวารสารวิชาการของสถาบันพัฒนาพระวิทยากร วารสารนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัยและตีพิมพ์บทความวิจัยและบทความวิชาการที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ศาสนศึกษา และพุทธศาสนาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือการประยุกต์พุทธศาสนากับสาขาวิชาอื่น เช่น การศึกษา การพัฒนาสังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน บทความทั้งหมดจะต้องเกี่ยวข้องกับการสอน และการวิจัยทางพระพุทธศาสนา ผู้เขียนที่ส่งผลงานจะต้องจำแนกต้นฉบับของตนโดยเลือกขอบเขตจาก
พุทธศาสนาทั้งสองกลุ่มนี้ ดังต่อไปนี้:
กลุ่มที่ 1 พระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม ได้แก่ หลักพุทธธรรม การวิเคราะห์หลักพุทธธรรม
1.1 พุทธธรรม หมายถึง หลักคำสอนที่เกิดจากการถ่ายทอดของพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวก เช่น อริยมรรค ศีล อริยสัจ เป็นต้น
1.2 การวิเคราะห์หลักพุทธธรรม หมายถึง การตีความหลักธรรมด้วยทฤษฎีทางด้านการตีความ เพื่ออธิบายและขยายความคำสอนที่ปรากฏในพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
กลุ่มที่ 2 พุทธศาสนาประยุกต์ หมายถึง การประยุกต์หลักพุทธธรรมทางพระพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
2.1 พระพุทธศาสนากับการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม เช่น ค่ายคุณธรรมจริยธรรมเด็กและเยาวชน การจัดฝึกอบรมพระวิทยากร เทศกาลและพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
2.2 การบูรณาการหลักธรรมกับการศึกษา การบริหารการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร เช่น การประยุกต์ใช้โยนิโสมนสิการกับการเรียนการสอน
2.3 พระพุทธศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การประยุกต์หลักพุทธธรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสาร จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความวิชาการหรือบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร อย่างเคร่งครัด รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสาร
ส่วนข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ปรากฏในบทความในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนา
พระวิทยากร รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำซ้อนของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCatch เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 20% โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 เดือนกรกฎาคม 2568 เป็นตันไป
วารสารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจำนวน 4,500 บาท (สี่พันบาทถ้วน) ต่อ 1 บทความ โดยผู้เขียนจะต้องตรวจสอบความสมบูรณ์ของบทความตามคำแนะนำสำหรับผู้เขียน หากไม่ปฏิบัติตามกติกา กองบรรณาธิการวารสารขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการตีพิมพ์ และไม่คืนเงินค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ 1. หากบทความมีความซ้ำซ้อนมากกว่า 20% 2. ผู้เขียนไม่ปฏิบัติตามรูปแบบของวารสาร 3. บทความไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ หรือ 4. ไม่แก้ไขบทความตามข้อเสนอแนะตามระยะเวลาที่กำหนด (1 เดือน หลังการแจ้งของบรรณาธิการ) เมื่อชำระแล้วกรุณาส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่ monkde2563@gmail.com***
2. หลักเกณฑ์การนำบทความวิชาการหรือบทความวิจัยเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร |
วารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากรสนใจและคัดเลือกบทความที่มีลักษณะเป็นสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ รวมถึงแนวทางการพัฒนาสังคมและศาสนา โดยมีลักษณะดังนี้ 1) มีความคิดทางด้านการเสนอแนวคิดทางด้านการวิจัยและนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ 2) มีข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งทางทฤษฎี 3) มีการเสนอการ
บูรณาการความรู้ใหม่ๆ
กองบรรณาธิการจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณาบทความ กองบรรณาธิการจะทำการคัดเลือกโดยมีเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
1) บทความมีการใช้ภาษาและการเขียนที่มีโครงสร้างของบทความโดยพิจารณาความถูกต้องตามหลักการเขียนบทความ
2) บทความวิจัยมีความเหมาะสมของระเบียบวิธีวิจัย มีการอ้างอิงและสังเคราะห์องค์ความรู้ใหม่
3) บทความมีศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม
4) บทความที่ส่งมาจะต้องมีลักษณะเป็นความเรียง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบทความอย่างชัดเจน และไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารใดมาก่อน
บทความวิชาการต้องมีส่วนประกอบดังนี้
1) ชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
2) มีบทคัดย่อภาษาไทยสำหรับบทความวิชาการมีความยาวไม่เกิน 300 คำ บทคัดย่อภาษาไทยสำหรับบทความวิจัยมีความยาวไม่เกิน 350 คำ และบทคัดย่อภาษาอังกฤษตามภาษาไทย จำนวนคำขึ้นอยู่กับภาษาไทย และบทคัดย่อภาษาอังกฤษมีความถูกต้องตามหลักโครงสร้างและไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ ตามมาตรฐานวิชาชีพ
3) ชื่อ-สกุลผู้เขียนทุกคน และหน่วยงานที่สังกัดของผู้เขียนทุกคน พร้อมทั้งชื่อ-สกุลภาษาอังกฤษกำกับ รวมทั้งระบุ e-mail ของผู้เขียนหลักและผู้เขียนรองทุกคน (***บทความวิจัยกำหนดให้มีผู้เขียนไม่เกินฉบับละ 5 คน ส่วนบทความวิชาการกำหนดให้มีผู้เขียนไม่เกินฉบับละ 4 คน) และชื่อผู้เขียนรองจะต้องระบุตั้งแต่กระบวนการแรกที่ส่งบทความเข้าระบบ จะไม่อนุญาตให้เพิ่มชื่อผู้เขียนรองในภายหลังทุกๆ กรณี
4) คำสำคัญ (Keywords) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (3-5 คำ)
5) เนื้อหาของบทความ ประกอบด้วยหัวข้อดังนี้
บทความวิจัย ให้เรียงลำดับสาระ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract) ภาษาไทย มีความยาวไม่เกิน 350 คำ และภาษาอังกฤษ มีความยาวขึ้นอยู่กับภาษาไทย เสนอวัตถุประสงค์ของการวิจัย วิธีการวิจัย และผลการวิจัยโดยสรุปอย่างกะทัดรัด
2) คำสำคัญ (Keywords) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (3-5 คำ)
3) บทนำ (Introduction) ระบุความสำคัญของปัญหาการวิจัยกรอบแนวคิดและเหตุผล ความคาดหวัง คุณค่า รวมถึงประโยชน์ที่จะได้จากการวิจัย
4) ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology) ระบุแบบแผนการวิจัยการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างและการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล
5) ผลการวิจัย/ผลการทดลอง (Result) เสนอผลที่พบตามวัตถุประสงค์การวิจัยตามลำดับอย่างชัดเจน ควรเสนอในรูปตารางหรือแผนภูมิ
6) อภิปรายผล/วิจารณ์ (Discussion) เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของผลการวิจัยกับกรอบแนวคิด และงานวิจัยที่ผ่านมา ไม่ควรอภิปรายเป็นข้อๆ แต่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของตัวแปรที่ศึกษาทั้งหมดโดยภาพรวม
7) องค์ความรู้ใหม่จากการวิจัย ระบุองค์ความรู้ที่ได้อันเป็นผลมาจากการวิจัย ผ่านการสังเคราะห์ ออกมาในรูปแบบของแผนภูมิ แผนภาพ หรือผังมโนทัศน์ พร้อมทั้งการอธิบายที่รัดกุม เข้าใจได้ง่าย
8) บทสรุป (Conclusion) ระบุข้อสรุปที่สำคัญของเนื้อหาโดยรวมและองค์ความรู้ใหม่
9) ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ และข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป
10) เอกสารอ้างอิง (Reference) ต้องเป็นรายการที่มีการอ้างอิงไว้ในเชิงอรรถเท่านั้น
บทความพิเศษ บทความวิชาการ บทความปริทรรศน์ ปกิณกะ ให้เรียงลำดับสาระ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract) ภาษาไทย มีความยาวไม่เกิน 300 คำ และภาษาอังกฤษ มีความยาวขึ้นอยู่กับภาษาไทย และบทคัดย่อภาษาอังกฤษมีความถูกต้องตามหลักโครงสร้างและไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ ตามมาตรฐานวิชาชีพ
2) คำสำคัญ (Keywords) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (3-5 คำ)
3) บทนำ (Introduction) กล่าวถึงความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา อย่างกว้างๆ นำเสนอตัวอย่างของข้อมูล/ปัญหาเชิงสถานการณ์ (Man Idea) เสนอหลักการและยืนยันถึงสิ่งที่ต้องการนำเสนอในบทความ
4) เนื้อเรื่อง (Content) แสดงสาระสำคัญที่ต้องการนำเสนอตามลำดับประกอบด้วยทฤษฎีหรือแนวคิด และวิเคราะห์ กรณีตัวอย่าง
5) บทสรุป (Conclusion)
6) เอกสารอ้างอิง (Reference)
3. รูปแบบของการจัดเตรียมต้นฉบับ |
1) ต้นฉบับสำหรับบทความวิจัยต้องมีความยาวไม่เกิน 15-16 หน้ากระดาษรวมเอกสารอ้างอิง และจะต้องไม่ต่ำกว่า 12 หน้า (ส่วนบทความวิชาการไม่เกิน 14-15 หน้ากระดาษรวมเอกสารอ้างอิง และจะต้องไม่ต่ำกว่า 10 หน้า) ใช้กระดาษ A 4 พิมพ์บนกระดาษหน้าเดียว ใช้ตัวอักษรแบบ THSarabunPSK เท่านั้น ตั้งค่าหน้ากระดาษโดยเว้นขอบข้างบน ขอบซ้าย 1 นิ้ว และขอบขวา ขอบล่าง 0.7 นิ้ว กำหนดระยะห่างระหว่างบรรทัดเท่ากับ 1 การนำเสนอรูปภาพและตาราง ต้องนำเสนอรูปภาพและตารางที่มีความคมชัดพร้อมระบุหมายเลขกำกับรูปภาพไว้ด้านล่าง พิมพ์เป็นตัวหนา เช่น ตารางที่ 1 หรือ Table 1 และ รูปภาพที่ 1 หรือ Figure 1 รูปภาพที่นำเสนอต้องมีรายละเอียดของข้อมูลครบถ้วนและเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านที่เนื้อความอีก ระบุลำดับของรูปภาพทุกรูปให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในต้นฉบับ โดยคำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพที่นำเสนอ
2) ชื่อเรื่องต้องมีภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พิมพ์ไว้หน้าแรกตรงกลาง ภาษาไทย ขนาด 20 point, กำหนดกลางกระดาษ, ตัวหนาภาษาอังกฤษ ขนาด 20 point, กำหนดกลางกระดาษ, ตัวหนา
3) ชื่อผู้เขียน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ระบุถึงหน่วยงาน, สถานศึกษา เช่น คณะพุทธศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ด้วยอักษรภาษาไทย–อังกฤษ ขนาด 16 point, ชื่อ-สกุลภาษาไทยตัวหนา ชื่อ-สกุลภาษาอังกฤษ-หน่อยงาน, สถานศึกษา ขนาด 16 pt. ตัวปกติ, และ e-mail ติดต่อของผู้เขียนทุกคน กำหนดชิดขวาของหน้ากระดาษ
4) มีบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับบทความวิจัยไม่เกิน 350 คำ และบทความวิชาการไม่เกิน 300 คำต่อบทคัดย่อ
5) กำหนดคำสำคัญ (Keywords) ภาษาไทยให้เรียงลำดับอักษร ก-ฮ ส่วนภาษาอังกฤษให้เรียงตามตำแหน่งภาษาไทย
6) การเรียงหัวข้อ หัวข้อใหญ่สุด ให้พิมพ์ชิดขอบด้านซ้าย ขนาด 18 pt. หัวข้อย่อยเว้นห่างจากหัวข้อใหญ่ 3-5 ตัวอักษร พิมพ์ตัวที่ 6 และหัวข้อย่อยขนาดเดียวกัน ต้องพิมพ์ให้ตรงกัน เมื่อขึ้นหัวข้อใหญ่ ควรเว้นระยะพิมพ์ช่วงบรรทัด 1 บรรทัด 16 pt.
7) การใช้ตัวเลข ควรใช้ตัวเลขอารบิกทั้งหมด
4.ระบบการอ้างอิงและเอกสารอ้างอิงทางวิชาการ |
การอ้างอิงให้ใช้รูปแบบ American Psychological Association (APA) (7th Edition) เป็นมาตรฐาน โดยสามารถดูตัวอย่างวิธีการเขียนเอกสารอ้างอิง ที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ APA https://www.apastyle.org เป็นการอ้างอิงโดยใช้ระบบนามปี ให้ใช้ระบบตัวอักษรโดยใช้วงเล็ก เปิด-ปิด แล้วระบุชื่อ-สกุลของผู้เขียน กำกับท้ายเนื้อความ เอกสารที่อ้างอิงในบทความจะต้องปรากฏในเอกสารอ้างอิงท้ายบทความทุกรายการ และเจ้าของบทความต้องรับผิดชอบถึงความถูกต้องของเอกสารที่นำมาอ้างอิงทั้งหมด
ตัวอย่างการเขียนเอกสารอ้างอิง ประกอบด้วย
4.1 การอ้างอิงในเนื้อหา (in-text citation) ใช้ระบบนาม-ปี โดยให้ใช้การอ้างอิงได้ 2 แบบ คือ 1) การอ้างอิงหน้าข้อความ จะใช้สัญลักษณ์ดอกจันทร์ 1 ดอก * ในการแสดงตัวอย่างของการเขียนอ้างอิงแบบหน้าข้อความ 2) การอ้างอิงท้ายข้อความ จะใช้สัญลักษณ์ดอกจันทร์ 2 ดอก ** ในการแสดงตัวอย่างของการเขียนอ้างอิงแบบหลังข้อความ โดยกำหนดดังนี้
4.1.1 หากชื่อผู้แต่งอยู่หน้าข้อความที่อ้างถึงให้ใช้ ชื่อ-สกุลผู้แต่ง (ปีพิมพ์) เช่น *สมภาร พรมทา (2006) ...
หากเป็นพระไตรปิฎก ให้อ้างหน้าข้อความว่ามาจากข้อความในคัมภีร์ไหน เล่มที่ ข้อที่ หน้าที่ เช่น ในพระสูตรเล่มที่ 10 ข้อที่ 120 หน้าที่ 360 และท้ายข้อความตามชื่อว่าเป็นของหน่วยงานใด เช่น (มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539) หรืออ้างพระไตรปิฎกเล่มที่ ข้อที่ หน้าที่ แล้วตามด้วยผู้พิมพ์ พ.ศ. ในวงเล็บ เช่น (พระไตรปิฎกภาษาไทย เล่มที่ 10 ข้อที่ 120 หน้าที่ 360, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539)
4.1.2 หากชื่อผู้แต่งอยู่ท้ายข้อความที่อ้างถึงให้ใช้ (ชื่อ-สกุลผู้แต่ง, ปีพิมพ์) เช่น **........... (ธเนศ นาวา, 2562)
การอ้างอิงจากเอกสารภาษาไทย
1) ตัวอย่าง ผู้แต่งหนึ่งรายให้อ้างชื่อผู้แต่งเครื่องหมายจุลภาค (,) ตามด้วยเลข พ.ศ. ที่ตีพิมพ์ เช่น **(สมภาร พรมทา, 2550)
2) ผู้แต่งสองรายให้อ้างชื่อของผู้แต่งสองรายแล้วให้เชื่อมด้วยคำว่า “และ” ตามด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) ตามด้วยปีที่พิมพ์
เช่น **(กรุณา กุศลาสัย และเรืองอุไร กุศลาสัย, 2560) หากมีเอกสารที่นำมาอ้างอิงมากกว่า 1 รายการให้ใช้เครื่องหมายอัฒภาค (;) คั่นระหว่างรายการอ้างอิง โดยเรียงตามลำดับพยัญชนะ ก-ฮ เช่น **(พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต), 2555; ศุภชัย ศุภผล, 2558)
3) ถ้ามีผู้แต่งมากกว่า 2 รายขึ้นไป ให้อ้างชื่อของผู้แต่งรายแรกเว้นวรรคหนึ่งครั้งเพิ่มคำว่า และคณะ เช่น (พระพรหมบัณฑิต และคณะ, 2561)
การอ้างอิงจากเอกสารภาษาอังกฤษ (สัญลักษณ์/ หมายถึง การเว้นวรรค)
1) ถ้ามีผู้แต่งหนึ่งรายให้อ้างนามสกุลของผู้แต่ง เครื่องหมายจุลภาค ปีพิมพ์ คือ *สกุล/(ปี) หรือ **(สกุล,/ปี) เช่น **(Machiavelli, 1991)
2) ถ้ามีผู้แต่งสองรายให้อ้างนามสกุลของผู้แต่งสองราย โดยใช้เครื่องหมาย & ระหว่างสกุลคนแรกกับสกุลคนที่สอง ปีที่พิมพ์ คือ *สกุล/&/สกุล/(ปี) หรือ**(สกุล/&/สกุล,/ปี)
เช่น **(Jovinelly & Netelkos, 2007) และให้ใช้เครื่องหมาย อัฒภาค (;) คั่นกลางระหว่างเอกสารที่นำมาอ้างอิงมากกว่า 1 เอกสารขึ้นไป โดยให้เรียงลำดับอักษรจาก A-Z เช่น (Jovinelly & Netelkos, 2007; Machiavelli, 1991)
3) ถ้ามีผู้แต่งมากกว่า 2 รายให้อ้างนามสกุลของผู้แต่งรายแรกตามด้วย et al, ปีที่พิมพ์ คือ
*สกุล1/et/al./(ปี) หรือ**(สกุล1/et/al., ปี) เช่น (Keown et al., 2004)
การอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์
ใช้ (ชื่อ/สกุลผู้ที่ได้รับการสัมภาษณ์./ปี, วัน เดือนที่สัมภาษณ์) เช่น (พัชระ วงศ์ศา. 2562, 19 สิงหาคม)
4.2 การเขียนรายการอ้างอิงท้ายบทความ ให้ใช้รูปแบบ APA ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
1) หนังสือ
ชื่อ/สกุลผู้แต่ง./(ปีพิมพ์)./ชื่อหนังสือ./(พิมพ์ครั้งที่)./เมืองที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์.
เช่น
ธเนศ นาวา. (2562). ว่าด้วยเอกเทวนิยม: เส้นทางของพระผู้เป็นเจ้าของจริง. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: สมมติ.
2) บทความในวารสาร
ชื่อ/สกุลผู้เขียนบทความ/./(ปีพิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร,/ปีที่(ฉบับที่):/เลขหน้าเริ่มต้น-หน้าสุดท้ายของบทความ.
เช่น
ธิติวุฒิ หมั่นมี. (2557). การวางแผนและการติดต่อประสานงานเชิงพุทธ. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 3(1): 25-31.
3) แหล่งข้อมูลจากดุษฎีนิพนธ์/วิทยานิพนธ์
ชื่อ/สกุลผู้นิพนธ์./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่องวิทยานิพนธ์./วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตหรือวิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา./สถานที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์หรือชื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา.
เช่น
พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร. (2551). จิตตมาตรของนิกายโยคาจาร: การศึกษาวิเคราะห์บนฐานแนวคิดเรื่องจิตในพระพุทธศาสนายุคต้น. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนา. บันฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
4) แหล่งข้อมูลจากรายงานการวิจัย
ชื่อ/สกุล./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่อง./รายงานการวิจัย./หน่วยงานที่สนับสนุนทุน:/หน่วยงานที่รับทุน.
เช่น
อารดา พลอาษา. (2560). การศึกษาองค์ความรู้การอนุรักษ์ การส่งเสริมและการเพิ่มคุณค่าการทอผ้าไหมหางกระรอกคู่ตีนแดง อำเภอนาโพธิ์และอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์. รายงานการวิจัย. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม: กระทรวงวัฒนธรรม.
5) แหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์
ชื่อ/สกุลผู้เขียน./(ปี,/วัน/เดือนที่เผยแพร่)./ชื่อบทความ./ชื่อเว็บไซต์./URL
*กรณีที่ไม่มีวันที่เผยแพร่ปรากฏ ให้ใส่ (ม.ป.ป.) หรือ (n.d.)
*กรณีที่มีปรากฏเฉพาะ พ.ศ. หรือ ค.ศ. ให้ใส่แค่ (ปี) เท่านั้น
*กรณีชื่อผู้เขียนและชื่อเว็บไซต์เป็นชื่อเดียวกัน ให้ตัดชื่อเว็บไซต์ออก
เช่น
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (2555). การจัดการศาสนาและวัฒนธรรมในองค์กร. www.mcu.ac.th/article/index.html.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2565, 20 มกราคม). นโยบายสพฐ. https://www.obec.go.th
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.(2564). แผนการใช้หลักสูตร. โครงการพัฒนา
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน Competency-based Education. https://cbethailand.com/privacy-
policy/
5) การสัมภาษณ์
ชื่อ/สกุลผู้ที่ได้รับการสัมภาษณ์./(ปี, วัน เดือน)./ชื่อเรื่องที่สัมภาษณ์./ (ชื่อ/สกุล,/ผู้สัมภาษณ์).
เช่น
พัชระ วงศ์ศา. (2562, 19 สิงหาคม). แนวทางในการอนุรักษ์ โบราณสถานในวัดมณีวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี. (นายพีระ ราชิวงศ์, ผู้สัมภาษณ์).
*****ในกรณีที่อ้างอิงบทความวิจัยหรือวิทยานิพนธ์แหล่งข้อมูลที่นำมาอ้างอิงจะต้องมีอายุไม่เกิน 8 ปี **หากเกิน 8 ปี ไม่ให้นำมาใช้อ้าง (**ในกรณีนี้กำหนดใช้เฉพาะบทความวิจัยและวิทยานิพนธ์ในภาษาไทย) ส่วนภาษาอังกฤษไม่ได้จำกัดปี
ตัวอย่างการเขียนเอกสารอ้างอิง (References)
เพลโต. (2559). รีพับลิก (เวธัส โพธารามิก, ผู้แปล). (พิมพ์ครั้งที่ 3). สมุทรสาคร: พิมพ์ดี.
มาร์คุส ออเรลิอุส. (2558). เมื่อจักรพรรดิพินิจชีวิต (ปกรณ์ เลิศเสถียรชัย, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์โอ้มายก้อด.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ยูวัล โนอาห์ แฮรารี. (2561). เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ [Sapiens A Brief History of Humankind] (นำชัย ชีววิวรรธน์, ผู้แปล). กรุงเทพมหานคร: ยิปซี กรุ๊ป.
สุรัติ ปรีชาธรรม. (2556). จวงจื่อบับสมบูรณ์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โอเพ่นบุ๊กส์.
สุวรรณา สถาอานันท์. (2556). กระแสธารปรัชญาจีน: ข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจ ธรรมชาติ และจารีต. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: สยามสยามปริทัศน์.
5. การเตรียมต้นฉบับ |
ต้นฉบับต้องมีจำนวนหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 12 หน้า สำหรับบทความวิจัยและความยาวไม่เกิน 16 หน้ากระดาษ ส่วนบทความวิชาการไม่ต่ำกว่า 10 หน้า และความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ ขนาด A4 พร้อมบันทึกไฟล์บทความที่อยู่ในรูปแบบ Microsoft Word (*.doc หรือ *.docx) พิมพ์บนกระดาษหน้าเดียว ใช้ตัวอักษร THSarabun PSK ตั้งค่าหน้ากระดาษโดยเว้นขอบบน ขอบซ้าย 1 นิ้ว และขอบขวา ขอบล่าง 0.7 นิ้ว กำหนดระยะห่างระหว่างบรรทัดเท่ากับ 1 และเว้นบรรทัดระหว่างแต่ละย่อหน้า การนำเสนอรูปภาพและตาราง ต้องนำเสนอรูปภาพและตารางที่มีความคมชัดพร้อมระบุหมายเลขกำกับรูปภาพไว้ด้านล่าง พิมพ์เป็นตัวหนา เช่น ตารางที่ 1 หรือ Table 1 และ รูปภาพที่ 1 หรือ Figure 1 รูปภาพที่นำเสนอต้องมีรายละเอียดของข้อมูลครบถ้วนและเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านที่เนื้อความอีก ระบุลำดับของรูปภาพทุกรูป ให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในต้นฉบับ โดยคำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพที่นำเสนอ
บทปริทัศน์หนังสือ (Book Review) ต้องประกอบด้วยชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ สถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ ปีที่พิมพ์ และจำนวนหน้าของหนังสือ โดยผู้ปริทัศน์สามารถเขียนด้วยความยาวไม่เกิน 10 หน้า พร้อมบันทึกไฟล์บทความที่อยู่ในรูปแบบ Microsoft Word (*.doc หรือ *.docx)
ส่งในระบบ (Online Submission) สามารถสมัครและส่งเข้าระบบออนไลน์ได้ที่เว็ปไซต์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tmd/index ทางบรรณาธิการจะพิจารณาเพื่อแก้ไขในเบื้องต้น เพื่อให้ผู้เขียนแก้ไข แต่หากไม่มีการแก้ไข จะส่งเพื่อ peer reviews เพื่อประเมินและส่งให้แก้ไข เมื่อประเมินผ่านและมีการแก้ไขจะต้องส่งเข้าระบบเพื่อตีพิมพ์ต่อไป
Copyright Notice
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของทางวารสาร การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตาราง ของบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ