การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Clauses of Purpose ที่สอนโดยใช้การเรียนรู้แบบเน้นงานปฏิบัติกับการสอนด้วยวิธีปกติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สอนโดยใช้การเรียนรู้แบบเน้นงานปฏิบัติกับการสอนด้วยวิธีปกติ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สอนโดยใช้การเรียนรู้แบบเน้นงานปฏิบัติ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่สอนโดยวิธีปกติ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 2 ห้องเรียน โดยการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 80 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบเน้นงานปฏิบัติ แผนการจัดการเรียนรู้การสอนด้วยวิธีปกติ และ 2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Dependent t-test กรณีกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน และ Independent t-test กรณีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน ผลวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Clauses of Purpose สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มที่สอนโดยใช้การเรียนรู้แบบเน้นงานปฏิบัติมีคะแนนเฉลี่ย แตกต่างกับกลุ่มที่สอนด้วยวิธีปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Clauses of Purpose สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มที่สอนโดยใช้การเรียนรู้แบบเน้นงานปฏิบัติมีหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Clauses of Purpose สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มที่สอนด้วยวิธีปกติหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา.
วรางคณา แสงธิป. (2564). “การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบเกมมิฟิเคชันร่วมกับวิธีการสอนแบบเน้นภาระงาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจและแรงจูงใจในการเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.” วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา, 22: 32-47.
สุพรรณี อาศัยราช. (2558). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษโดยการใช้กิจกรรมเสริมแบบเน้นภาระงาน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ.
อรุณี วิริยะจิตรา และคณะ. (2555). เหลียวหลังแลหน้า การสอนภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ: บริษัท สำนักพิมพ์หน้าต่างสู่โลกกว้าง จำกัด.
Al Muhaimeed, Sultan A. (2013). Task-Based Language Teaching VS. Traditional way of English Language Teaching in Saudi Intermediate Schools: A Comparative Study. Dissertation. Kent State: University College of Education, Health, and Human Services.
Atefeh Hadi. (2012). “L2 Teachers' and Learners' Perceptions of Task-Based Language Pedagogy: Voices from Iran.” LAP LAMBERT Academic Publishing: Germany.
Harmer, J. (2001). The Practice of English Language Teaching (3rd ed.). Harlow: Longman.
Leaver and Jane R. Willis, editors. (2004) Task-based instruction in foreign language education: Practices and programs. Washington, DC: Georgetown University Press.
Nunan, David. (2004). Task-Based Language Teaching: A Comprehensively Revised Edition of Designing Tasks for the Communicative Classroom. United Kingdom: Cambridge University Press.
Rad & Bakhash. (2015). Study Tasks in English. Cambridge: Cambridge University Press.
Willis, Dave & Willis, Jane. (2007). Doing Task – Based Teaching. New York: Oxford University Press.