ผลของกิจกรรมกลุ่มต่อความฉลาดทางสังคมและภาวะซึมเศร้าของนักศึกษากลุ่มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์มีดังนี้ 1) เพื่อศึกษาความฉลาดทางสังคมและภาวะซึมเศร้าของนักศึกษากลุ่มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและ 2) เพื่อเปรียบเทียบความฉลาดทางสังคมและภาวะซึมเศร้าของนักศึกษากลุ่มเสี่ยงภาวะซึมเศร้า มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาทั้งก่อน หลัง และระยะติดตามผล กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ที่มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า ได้มาจากนักศึกษาที่มีคะแนนประเมินภาวะซึมเศร้า ระหว่าง 7-13 คะแนน จำนวน 30 คน ทำการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยคือกิจกรรมกลุ่ม แบบวัดความฉลาดทางสังคม บันทึกการสังเกตพฤติกรรม และแบบวัดภาวะซึมเศร้า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าสถิติพื้นฐาน การวิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทียบคะแนนตัวแปร โดยใช้ Wilcoxon (matched paired) ผลการศึกษาพบว่า 1) นักศึกษากลุ่มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 2) ผลการวิเคราะห์คะแนนเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานกิจกรรมกลุ่ม ภาพรวม พบว่า กิจกรรมกลุ่มก่อนทดลองอยู่ในระดับน้อยที่สุด หลังทดลองและการติดตามผลครั้งที่ 1 อยู่ในระดับมาก การติดตามผลครั้งที่ 2 และ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด 3) ผลการวิเคราะห์คะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า พบว่า โดยรวมแล้วความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าอยู่ในระดับปานกลาง ก่อนการทดลอง อยู่ในระดับรุนแรง หลังทดลอง พบว่าอยู่ในระดับปานกลาง การติดตามผลครั้งที่ 1, 2 และ 3 พบว่า ความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าอยู่ในระดับต่ำ 4) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่เปรียบเทียบ คะแนนความฉลาดทางสังคมก่อนและหลังการทดลอง ตลอดจนในช่วงการติดตามผลแต่ละครั้ง แสดงให้เห็นว่าคะแนนความฉลาดทางสังคมเพิ่มขึ้น 5) ผลการวิเคราะห์ที่เปรียบเทียบคะแนนตัวแปรภาวะซึมเศร้า ก่อนและหลังการทดลองตลอดจนในช่วงการติดตามผลแต่ละครั้ง แสดงให้เห็นว่าคะแนนภาวะซึมเศร้าลดลง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เอกสารอ้างอิง
สุริยเดว ทรีปาตี. (2551). พัฒนาการและการปรับตัวในวัยรุ่น. http://www.thaihealth.or.th/node/57-56.
สุนทร สุขุม. (2561). การส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมในการลดภาวะซึมเศร้าในนักศึกษา. วารสารการศึกษาและจิตวิทยา, 15(3): 120-132.
สุกัลยา สว่าง และคณะ. (2556). การศึกษาผลกระทบของการฝึกอบรมทักษะการจัดการความเครียดในนักศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Albrecht, C. (2006). Social Intelligence: The New Science of Success. San Francisco, CA: Jossey-Bass.
Carter, P. (2009). Test Your Emotional Intelligence: Improve Your EQ and Learn How to Impress Potential Employers (Testing Series). Philadelphia: Kogan Page.
Cuijpers, P., et al. (2014). Psychological treatment of depression: A meta-analysis. Journal of Affective Disorders, 169: 97-104.
Davis, M. H. (1994). Empathy: A social psychological approach. New York: Brown & Benchmark.
Decety, J., & Jackson, P. L. (2004). The functional architecture of human empathy. Behavioral and Cognitive Neuroscience Reviews, 3(2): 71-100.
Ebert, D. D., et al. (2019). The effectiveness of psychological interventions for depression and anxiety. Journal of Clinical Psychology, 75(5): 512-520.
Goleman, D. (2006). Social Intelligence: The New Science of Human Relationships. New York: Bantam Books.
Yamane, T. (1973). Statistics: an introductory analysis. New York: Harper. & Row.