การพัฒนารูปแบบการเรียนเพื่องานโครงการพิเศษทางด้านสถาปัตยกรรม
คำสำคัญ:
โครงการพิเศษทางด้านสถาปัตยกรรม, รูปแบบการเรียนเพื่องานโครงการพิเศษทางด้านสถาปัตยกรรม, นักศึกษาระดับปริญญาตรีโปรแกรมวิชาสถาปัตยกรรมบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนเพื่องานโครงการพิเศษทางด้านสถาปัตยกรรม และเพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนที่พัฒนาขึ้น วิธีการดำเนินการวิจัยได้ออกแบบเป็น 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกเป็นการพัฒนารูปแบบการเรียน และประเมินรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 15 ท่านและขั้นตอนที่ 2 เป็นการศึกษาผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจทางการเรียน ด้วยการทดลองใช้รูปแบบการเรียนที่พัฒนาขึ้น โดยทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีโปรแกรมวิชาสถาปัตยกรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จำนวน 12 คน เรียนด้วยรูปแบบการเรียนที่พัฒนาขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติการทดสอบค่า t ผลการวิจัยพบว่ารูปแบบการเรียน “APBL MODEL” ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญในระดับ “มากที่สุด” ทั้งในรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบของรูปแบบการเรียนและการจัดกิจกรรมการเรียน ผลคะแนนการเรียนตามรูปแบบการเรียนพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและผู้เรียนประเมินระดับความคิดเห็นต่อรูปแบบการเรียนที่พัฒนาขึ้นในระดับ “มากที่สุด”
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ประทานพร อุ่นออ. (การจัดการเรียนการสอน โดยใช้ Project Based Learning ในรายวิชาการเขียนโปรแกรม GUI สาหรับนักเรียนระดับประกาศนีบัตรวิชาชีพ (รายงานวิจัย). วิทยาลัยเทคโนโลยีไทย-ไต้หวัน (บีดีไอ): สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา,2556.
ลัดดา ภู่เกียรติ. การสอนแบบโครงงานและการสอนแบบใช้วิจัยเป็นฐานงานที่ครูประถมทำได้ . กรุงเทพฯ: สาฮะแอนด์ซันพริ้นติ้ง,2552.
วิชาการคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม. รายงานประจำปี 2557 คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม .หน่วยงานเอกสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. ,2557)
วัฒนา มัคคสมัน. การสอนแบบโครงการ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2551.
อนิรุจน์ สติมั่น. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีต่อการเรียนรู้แบบนำตนเองและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา. ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2550.
Brown, A “Metacognition, executive control, self-regulation, and other more mysterious mechanisms.” In F. E. Weinert.; & R. H. Kluwe (Eds.). Metacognition, motivation and understanding. Hillsdale, N. J.: Lawrence Erlbuam, 1987.
Katz, L.G. Self-Esteem and Narcissism: Implicate for Practice. Urbana Illinois: Eric,1993.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ประกาศลิขสิทธิ์
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหาหรือรูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำข้อมูลทั้งหมดหรือบางส่วนไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์นก่อนเท่านั้น
