การปกปิดตัวตนและการใช้บัญชีลับในสื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชนไทย
คำสำคัญ:
อัตลักษณ์ออนไลน์ , แอคหลุม, สื่อสังคมออนไลน์, การปกปิดตัวตนบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะการใช้บัญชีลับและการปกปิดตัวตนบนสื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชนไทย 2) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่นำไปสู่การใช้บัญชีลับและการปกปิดตัวตนบนสื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชนไทย เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพและเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากเยาวชน ด้วยการเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญแบบเจาะจงจากอาสาสมัคร ซึ่งเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 20 – 22 ปี ที่มีบัญชีในสื่อสังคมออนไลน์มากกกว่า 1 บัญชี และต้องมีบัญชีลับที่ไม่เปิดเผยตัวตน หรือไม่ใช่บัญชีที่เปิดเผยเป็นสาธารณะ อย่างน้อย 1 บัญชี รวมจำนวน 8 คน จากเยาวชนชาย จำนวน 3 คน และเยาวชนหญิง จำนวน 5 คน ซึ่งข้อมูลอิ่มตัว วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการจำแนกหมวดหมู่ข้อมูลออกเป็นกลุ่มตามกรอบแนวคิดการวิจัย ได้แก่ ทฤษฎีการลดความไม่แน่นอน ทฤษฎีการจัดการความเป็นส่วนตัวในการสื่อสาร ทฤษฎีการแทรกซึมทางสังคม แนวคิดอัตลักษณ์และการสร้างตัวตน ผลการวิจัย พบว่า 1) ลักษณะการใช้งานบัญชีลับของเยาวชนมี 4 ด้าน คือ (1) ด้านความต้องการเป็นส่วนตัว (2) ด้านสร้างภาพลักษณ์ (3) ด้านการหลีกเลี่ยงการถูกตัดสิน (4) ด้านการใช้บัญชีลับในแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 2) สาเหตุที่นำไปสู่การใช้บัญชีลับและการปกปิดตัวตนบนสื่อสังคมออนไลน์ ประกอบด้วย 3 ด้าน (1) ปัจจัยทางจิตวิทยา ได้แก่ ความต้องการด้านอัตลักษณ์และการแสดงออก ความต้องการด้านความปลอดภัย การตอบสนองเชิงอารมณ์ (2) ปัจจัยทางสังคม ได้แก่ ความกดดันทางสังคม ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม วัฒนธรรมและค่านิยมทางออนไลน์ (3) ปัจจัยด้านเทคโนโลยี ได้แก่ ความง่ายในการสร้างและจัดการบัญชี ความหลากหลายของแพลตฟอร์ม การเข้ารหัสข้อมูลและการปกป้องความเป็นส่วนตัว โดยผลการวิจัยช่วยให้เข้าใจลักษณะและสาเหตุในการใช้บัญชีลับของเยาวชนเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาแพลตฟอร์มและการกำหนดนโยบายสื่อสารที่เหมาะสมเพื่อให้เยาวชนให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างรู้เท่าทันและปลอดภัย
เอกสารอ้างอิง
ชัชฎา อัครศรีวร, นากาโอคะ, และ กฤชณัท แสนทวี. (2567). การสื่อสารอัตลักษณ์และตัวตนผ่านจักรวาลนฤมิตของเยาวชนไทย. วารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม. 12(1), 72–84. สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcosci/article/view/268704
ตระการตา วิวัฒนะอมรชัย. (2563). ‘แอคหลุมอินสตาแกรม’ โลกอีกใบของวัยรุ่นยุคดิจิทัล. Nisit Journal. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2566, จาก https://nisitjournal.press/2020/11/12/fake-instagram_mental-health/
นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์. (2548). การสร้างอัตลักษณ์ในอัลบั้มภาพออนไลน์ (วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการสื่อสารมวลชน). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณฐมน ธนาตระกูล. (2565). “แอคหลุม” ‘โลกลับ ๆ หลายใบของคนโซเชียลฯ. Creative Thailand. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2566, จาก https://www.creativethailand.org/view/article-read?article_id=33789&lang=read
พรรณวดี ประยงค์. (2559). เรื่องของ “ตัวตน” บนโลกของเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก: ขอบเขตของ “ตัวตนที่ปรารถนา” และ “ตัวตนที่เป็นจริง”. วารสารศาสตร์. 9(1), 7–32. สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/220058
พัน นิลพันธุ์ ฉัตรไชยยันต์. (2558). การสร้างอัตลักษณ์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันเครือข่ายสังคมบนโทรศัพท์มือถือ. วารสารนิเทศศาสตร์ธุรกิจบัณฑิตย์. 9(2), 123–145. สืบค้นจากhttps://ww2.dpu.ac.th/commarts/journal/upload/issue/RlAr2xlQfq.
ภัทรินทร์ จิตรวศินกุล และ ปิ่นวดี ศรีสุพรรณ. (2564). การสร้างตัวตนในสังคมโลกเสมือนจริงผ่านการเล่นคอมมู กรณีศึกษาคอมมู E.O.S. วารสารมานุษยวิทยา. 4(1), 156–187. สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jasac/article/view/240978
รติกร สูงสมสกุล และ ณัฐชา วัฒนประภา. (2562). การศึกษาพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์บนเอ็กซ์ (X)เชิงลบ. ใน เอกสารรายงานการประชุมวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติของนักศึกษาด้านมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ครั้งที่ 2 (หน้า 2013–2021). คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
Motive Influence. (2563, มีนาคม 1). Facebook เปิดเผยจำนวนแอคหลุม + สแปมในแพลตฟอร์มที่มีมากกว่า 4-5%. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2566, จาก https://www.motiveinfluence.com/blog/marketing/Facebookเปิดเผยจำนวนแอคหลุมในแพลตฟอร์มที่มีมากกว่า45/554
Afifi, T. A., & Afifi, W. A. (2009). Uncertainty, information management and disclosure decisions: Theories and applications. New York, NY: Routledge.
Berger, C. R., & Calabrese, R. J. (1975). Some explorations in initial interaction and beyond: Toward a developmental theory of interpersonal communication. Human Communication Research. 1(2), 99–112. Retrieved from https://doi.org/10.1111/j.1468-2958.1975.tb00258.x
Camacho, G., Reinka, M. A., & Quinn, D. M. (2020). Disclosure and concealment of stigmatized identities. Current Opinion in Psychology. 31, 28–32. Retrieved from https://doi.org/10.1016/j.copsyc.2019.07.031
Carpenter, A., & Greene, K. (2015). Social penetration theory. In M. L. Knapp & J. A. Daly (Eds.), The international encyclopedia of interpersonal communication. Wiley-Blackwell. Retrieved from https://doi.org/10.1002/9781118540190.wbeic160
Cowan, S. K. (2020). Secrets and social networks. Current Opinion in Psychology. 31, 99–104. Retrieved from https://doi.org/10.1016/j.copsyc.2019.07.038
Cruddas, S., Gilbert, P., & McEwan, K. (2012). The relationship between self-concealment and disclosure, early experiences, attachment, and social comparison. International Journal of Cognitive Therapy. 5(1), 28–37. Retrieved from https://doi.org/10.1521/ijct.2012.5.1.28
Homayoun, A. (2017, June 7). The secret social media lives of teenagers. The New York Times. Retrieved from https://www.nytimes.com/2017/06/07/well/family/the-secret-social-media-lives-of-teenagers.html
Knobloch, L. K., & Solomon, D. H. (1999). Measuring sources and content of relational uncertainty. Communication Studies. 50(4), 261–278. Retrieved from https://doi.org/10.1080/10510979909388499
Larson, D. G., Chastain, R. L., Hoyt, W. T., & Ayzenberg, R. (2015). Self-concealment: Integrative review and working model. Journal of Social and Clinical Psychology. 34(8), 705–729. Retrieved from https://doi.org/10.1521/jscp.2015.34.8.705
Nagy, P. (2010). Second Life, second choice? The effects of virtual identity on consumer behavior. A conceptual framework. In Proceedings of FIKUSZ ’10 Symposium for Young Researchers (pp. 167–180).
Sales, N. J. (2016). American girls: Social media and the secret lives of teenagers. Alfred A. Knopf.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
