การพัฒนาพิพิธภัณฑ์ชุมชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดลำปาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบทะเบียนโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ชุมชนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดลำปาง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อให้ทราบถึงประเด็นของการศึกษาในรายละเอียดที่สำคัญสำหรับความต้องการและประเด็นรูปแบบของระบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีความครอบคลุมในเนื้อหาสาระสำคัญที่ทำการวิจัย จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 25 คน และจากการปฏิบัติการบันทึกภาพ เพื่อรวบรวมทะเบียนโบราณวัตถุจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ วัดทั้ง 3 วัด จาก 3 อำเภอในจังหวัดลำปาง ได้แก่ 1) วัดปงสนุกเหนือ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง 2) วัดไหล่หินหลวง ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา และ 3) วัดบ้านหลุก ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ วิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบทะเบียนโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ชุมชนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า รูปแบบการขึ้นทะเบียนวัตถุโบราณ จะเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ การจัดหน้าที่ โครงสร้างการดูแล การจัดหมวดของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเริ่มจากการบันทึกภาพโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ชุมชนในแต่ละท้องที่ โดยผู้วิจัยได้จัดให้มีการจัดทำทะเบียนในแต่ละแห่ง แห่งละ 30 ชิ้น รวม 3 แห่ง มีจำนวน 90 ชิ้น ด้วยการทำการบันทึกภาพและรวบรวมข้อมูล โดยอักษรย่อในการวัดขนาดวัตถุพิพิธภัณฑ์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดลำปาง พบว่า การพัฒนาระบบการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ชุมชนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะมีการพัฒนาระบบทะเบียน ระเบียบและวิธีปฏิบัติในการทำทะเบียนวัตถุพิพิธภัณฑ์ การกำหนดกฎเกณฑ์ การรับวัตถุ การวิเคราะห์ วัตถุ การลงทะเบียน การเก็บรักษาและ การควบคุม การเคลื่อนย้ายการตรวจสอบบัญชี โดยสร้างกระบวนการเรียนรู้ของผู้ดูแลเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพิพิธภัณฑ์ไปสู่ Electronics Museum โดยสร้างกระบวนการเรียนรู้
Article Details
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
References
ฉลาด จันทรสมบัติ. (2550). การพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้ขององค์กรชุมชน. (ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและการพัฒนาการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ศุภกรณ์ ดิษฐพันธ์และวินัย วรวัตร์. (2540). รูปแบบพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน: สีสันของมิติวัฒนธรรม. (รายงานการวิจัย). สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ: กระทรวงศึกษาธิการ
สุมาลี ชัยเจริญ. งานพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้. เข้าถึงได้จาก http://www. elearning.msu.ac.th/opencourse/503710/periodical/periodical_08_3.html [20 มีนาคม 2563].
อมร ประพันธ์. (2554). แนวทางการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ตำบลหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี. (วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรเพื่อความมั่นคง). คณะรัฐศาสตรและนิติศาสตร์: มหาวิทยาลัยบูรพา.
เอื้อมอร ชลวร. (2555). การจัดการความรู้เชิงพุทธบูรณาการ. (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
Bosco, J. (2007). Lifelong Learning: What? Why? How?. Retrieved from http://home pages.wmich.edu/~bosco/docs/LifelongLearning-2.pdf
Ferrance, E. (2000). Action research. Retrieved from https://www.brown.edu/ academics/educationalliance/sites/brown.edu.academics.education-alliance/files/ publications/act_research.pdf
Gallos, J. V. (2006). Organization development. (2nd ed). San Francisco, CA: John Willey & Sons.
Kail, R. V. & Cavanaugh, J. C. (2007). Human Development: A life-span View. (4th ed). CA: Thomson learning, inc.
Sani M. (2008). What have museums got to do with lifelong learning? Newsletter of The Network of European Museum Organizations. Retrieved from http:// www.nemo.org/fileadmin/Dateien/public/NEMONews/NEMOnews2-08.pdf
Schutze, H. & Casey, K. (2006). Models and meaning of lifelong learning: progress and barriers on the road to learning society. International Journal of Lifelong Education, 36(3), 287-297.