การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสตรีมโฟร์อินโนเวเตอร์เพื่อสร้างความเป็นนวัตกร สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสตรีมโฟร์อินโนเวเตอร์เพื่อสร้างความเป็นนวัตกร 2) ศึกษาเปรียบเทียบผลการประเมินความสามารถนวัตกร และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสตรีมโฟร์อินโนเวเตอร์เพื่อสร้างความเป็นนวัตกร สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยกลุ่มตัวอย่างครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4.11 โรงเรียน เฉลิมขวัญสตรี จำนวน 43 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญแบบประเมินความสามารถนวัตกร และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสตรีมโฟร์อินโนเวเตอร์เพื่อสร้างความเป็นนวัตกร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบค่าที ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) พบว่า นักเรียนมีความต้องการที่จะได้รับการเรียนรู้ที่สามารถบูรณาการความรู้จากหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกัน โดยเน้นการเรียนรู้ที่มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต 2) นักเรียนมีผลการประเมินความสามารถนวัตกรสำหรับนักเรียนอยู่ในระดับดี และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสตรีมโฟร์อินโนเวเตอร์เพื่อสร้างความเป็นนวัตกร มีความพึงพอใจในภาพรวมค่าเฉลี่ย 4.76 อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ธนวัฒน์ พิทักษ์. (2565). การวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยแนวคิด STREAM สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในประเทศไทย. วารสารการวิจัยการศึกษา, 50(1), 75-89.
ภัทราพร วุฒิจิรเศรษฐ. (2564). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการ STREAM เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารวิชาการการศึกษา, 45(3), 45-59.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สุจิตรา ยิ่งเจริญ. (2562). การนำแนวทางการเรียนรู้แบบ STEAM มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารวิทยาศาสตร์การศึกษา, 37(2), 99-115.
อรอุมา เกตุทัต. (2563). การส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาในนักเรียนมัธยมศึกษาด้วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ. วารสารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, 29(4), 120-135.
Beers, S. Z. (2018). 21st Century Skills: Preparing Students for Their Future. Science Scope, 41(2), 19-22.
Karppinen, S. (2020). Innovations for environmental education: The Finnish STEAM approach. Journal of STEAM Education, 5(1), 67-78.
Quigley, C. F. & Herro, D. (2016). Finding the Joy in the Unknown: Implementation of STEAM Teaching Practices in Middle School Science and Math Classrooms. Journal of Science Education and Technology, 25(3), 410-426. https://doi. org/10.1007/s10956-016-9602-z
White, M. (2019). Integrating STEAM in the high school curriculum: A case study of robotics for elderly assistance. International Journal of STEM Education, 6(1), 55-65.