การศึกษาเปรียบเทียบการสวดมนต์ของชาวพุทธกับการละหมาดของชาวมุสลิมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข: ศึกษากรณีชุมชนหนองจอก กรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการสวดมนต์ของชาวพุทธกับการละหมาดของชาวมุสลิมในชุมชนหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์ทางศาสนา งานวิจัย และสัมภาษณ์ ผลการศึกษาพบว่า การสวดมนต์มีความสำคัญ 2 ส่วนคือ จุดหมายเดิมพร่ำสอนให้คนทั้งหลายได้ศึกษาแล้วเกิดปัญญานำพาชีวิตให้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้องนั้น ส่วนการละหมาด เป็นบัญญัติที่สำคัญของศาสนาอิสลามที่มุสลิมทุกคนจะต้องปฏิบัติ เป็นการสรรเสริญพระเกียรติคุณ การวิงวอนขอพร และการขออภัยโทษต่อพระองค์ จะเห็นได้ว่าการสวดมนต์และการละหมาด เป็นการสร้างความต่อเนื่องหรือเชื่อมโยงกันระหว่างศาสนากับศาสนิก ส่วนนัยที่ต่างกัน คือการสวดมนต์ของชาวพุทธได้แปรเปลี่ยนเป็นความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์แทน ส่วนการละหมาดนั้นยังมีเป้าหมายเพื่อแสดงถึงความรักความศรัทธาต่อพระอัลลอฮฺ คุณค่าและอิทธิพลของการสวดมนต์และการละหมาด มีนัยที่แสดงถึงการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดและไม่ก้าวก่ายหน้าที่ของคนอื่น ซึ่งทางพระพุทธศาสนาใช้หลักการแผ่เมตตา ส่วนศาสนาอิสลามกล่าวถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ส่วนนัยที่ต่างกัน เป็นวิธีปฏิบัติที่อยู่ในกรอบของแต่ละศาสนานั่นเอง การสวดมนต์กับการละหมาด เป็นการสร้างการเรียนรู้วิถีชุมชน โดยเปิดให้มีการสอนกันข้ามศาสนาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างกัน สร้างความเข้าใจต่อกันมากขึ้น และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดให้แก่เด็กตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อให้เรียนรู้หลักการทางศาสนาของศาสนาตนให้เข้าใจ และเรียนรู้ศาสนาอื่นให้รู้แจ้งเพื่อจะได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้องไม่ก้าวก่ายความเชื่อของผู้อื่น
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เอกสารอ้างอิง
กิติมา อมรทัต. (2549). มุสลิมในอุดมคติ บุคลิกภาพตามแบบฉบับของอิสลามที่แท้จริงดังกำหนดไว้ในกุรอานและสุนนะฮฺ. กรุงเทพมหานคร: บริษัทมีเดียเทค.
ชมรมตับลีคประเทศไทย. (2540). คุณค่าของละหมาด. กรงเทพมหานคร: ชมรมตับลีคประเทศไทย.
ชวน เพชรแก้ว. (2520). การศึกษาวรรณคดีไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์.พระครูศิริโสธรคณารักษ์. (2561). แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามโครงการสวดมนต์ข้ามปีของประชาชนในจังหวัดยโสธร. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น. 5(2) กรกฎาคม–ธันวาคม, 471.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต). (2546). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. กรุงเทพมหานคร:มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระญาณวโรดม (สนธิ์ กิจฺจกาโร). (2546). เอกเทศสวดมนต์. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.
พระวงศ์สรสิทธิ์ รติกโร, พระครูวิจิตรศีลาจาร. คุณค่าการสวดมนต์ที่มีต่อพุทธศาสนิกชนไทย: กรณีศึกษาสำนักปู่สวรรค์. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 3(2) กรกฎาคม–ธันวาคม, 79–94.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วัดยานนาวา.(2564). สวดมนต์ข้ามปีออนไลน์ รับปีใหม่ 2564. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2565 จาก https://www. thansettakij.com/content/462557.
สำนักงานเขตหนองจอก. (2561). แผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. 2561 สำนักงานเขตหนองจอก. ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
อาแว วาลี. (2562). การละหมาดกับการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และการเรียนรู้อย่างมีความสุขของเยาวชนมุสลิมจังหวัดนราธิวาส. วารสาร AL-NUR บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยฟาฎอนี. 14(1) มกราคม-มิถุนายน, 1-14.
อัลอิศลาห สมาคมบางกอกน้อย. (2544). วิธีละหมาดตามบัญญัติอิสลาม. พิมพ์ครั้งที่ 10.กรุงเทพมหานคร: อัลอิศลาหสมาคม.