การประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นนทบุรี
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ด้านปัจจัยเบื้องต้น กระบวนการดำเนินงาน และผลลัพธ์ และ 2) วิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งของการดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ครู และนักเรียนจากโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบ่งเป็น 2 ฉบับ ได้แก่ 1) แบบสอบถามการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ด้านปัจจัยเบื้องต้น กระบวนการดำเนินงาน และผลลัพธ์ของผู้บริหารและครู 2) แบบสอบถามการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ด้านผลลัพธ์ของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน มีดังนี้ (1.1) ด้านปัจจัยเบื้องต้น ผู้บริหารสถานศึกษาเห็นว่าปัจจัยเบื้องต้นโดยรวมมีความเพียงพอระดับมาก และครูผู้สอนเห็นว่าปัจจัยเบื้องต้นโดยรวมมีความเพียงพอระดับมาก บุคลากรในสถานศึกษามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาการอ่าน และโครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างเพียงพอ (1.2) ด้านกระบวนการ ผู้บริหารสถานศึกษาเห็นว่ามีการดำเนินงานโดยรวมเหมาะสมมากที่สุด และครูผู้สอนเห็นว่ามีการดำเนินงานโดยรวมเหมาะสมมากที่สุด มีการกำหนดผู้ประเมินโครงการไว้อย่างชัดเจน และ (1.3) ด้านผลลัพธ์ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูเห็นว่าผลโครงการโดยรวมมีความเหมาะสมมากที่สุด และครูเห็นว่าโดยรวมผลโครงการมีความเหมาะสมมากที่สุด 2) จุดแข็งของการดำเนินโครงการ คือ ผู้บริหารและครูในสถานศึกษามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาการอ่าน ส่วนจุดอ่อน คือ นักเรียนบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมและไม่รักษาสมุดบันทึกการอ่านประจำตัว/เอกสารบันทึกการอ่าน นอกจากนี้พบว่า โรงเรียนยังต้องการการสนับสนุนด้านงบประมาณ สื่อ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสำหรับจัดกิจกรรมอีกเล็กน้อย
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 1. (2565). แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570). นนทบุรี: กลุ่มนโยบายและแผน.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 1. (2565). รายงานผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565. นนทบุรี: กลุ่มนโยบายและแผน.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2. (2565). ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาปีการศึกษา 2565. นนทบุรี: กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542. กรุงเทพมหานคร: พัชรภรณ์การพิมพ์.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2556). แนวทางการดำเนินงานส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562, 5 ธันวาคม). สพฐ.เพิ่มอ่าน-คิดวิเคราะห์ให้เด็กไทย. ไทยรัฐ. น. 1.
สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). รายงานผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน (NT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2564. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงพิมพ์อักษรไทย (น.ส.พ.ฟ้าเมืองไทย).
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2549). เอกสารแนวทางการดำเนินงานปฏิรูปการเรียนการสอนตาม เจตนารมณ์กระทรวงศึกษาธิการ “2549 ปีแห่งการปฏิรูปการเรียนการสอน” แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สุธารัตน์ ศรีวาลัย. (2560). “การประเมินโครงการรักการอ่านของโรงเรียนสิริรัตนาธร โดยประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินแบบ CPO”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการประเมินและการวิจัยการศึกษา. มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
วิทยากร เชียงกูล. (2555). การรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนไทยรักการอ่าน–กลยุทธ์สำคัญในการปฏิรูปการศึกษา. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 38(2): 1-15.
