ความต้องการจำเป็นและแนวทางการบริหารจัดการสถานศึกษา ในการเตรียมความพร้อมผู้เรียนของอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการสถานศึกษาในการเตรียมความพร้อมผู้เรียนของอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการสถานศึกษาในการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง ประชากร คือ สถานประกอบการที่จัดทำความร่วมมือกับอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง จำนวน 468 แห่ง กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครซี่และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่าง 214 แห่ง ทำการสุ่มอย่างง่ายด้วยการจับฉลากแบบไม่ใส่คืน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ผู้บริหารอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง สังกัดคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น กำหนดค่าคะแนนเป็น 5 ระดับ หาค่าความตรงเชิงเนื้อหาได้ค่า 1.00 และค่าความเชื่อมั่นสภาพปัจจุบันและสภาพที่คาดหวังเท่ากับ 0.981 สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าจัดลำดับความต้องการจำเป็น (PNI modified) และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันในการเตรียมความพร้อมผู้เรียนอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง ภาพรวมอยู่ในระดับมาก และสภาพที่คาดหวังในการเตรียมความพร้อมผู้เรียนอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ความต้องการจำเป็นในการเตรียมความพร้อมผู้เรียนอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุงเรียงลำดับคือ ด้านความรู้ ด้านความสามารถในการประยุกต์ใช้ ด้านทักษะ และด้านคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และ 2) แนวทางการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนอาชีวศึกษาจังหวัด ผู้บริหารอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุงให้แนวทางประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) จัดการบริหารตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 2) ครูผู้สอนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาร่วมในการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ 3) ควรคำนึงถึงการเข้ามาจัดการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มาจากสถานประกอบการ และ 4) ความส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 จาก https://www.bic.moe.go.th/images/stories/5Porobor._2542pdf.pdf
กระทรวงศึกษาธิการ.(2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 จาก https://backoffice.onec.go.th/uploaded/Outstand/2017-EdPlan60-79.pdf
พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551. (2551, 05 มีนาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 125 ตอนที่ 43 ก, หน้า 1-24.
รัชพล กลัดชื่น และจรัญ แสนราช. (2562). การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจความพึงพอใจของสถานประกอบการที่มีต่อนักศึกษาฝึกทักษะวิชาชีพระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง. วารสารวไลยอลงการณ์ปริทัศน์(มนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 9(1): 54-55.
สราวุธ สมบูรณ์. (2565). การศึกษาสมรรถนะผู้เรียนหลักสูตรระยะสั้นของวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานีตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการวารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1, 7(1): 137-139.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2564). หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พ.ศ.2562. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 จาก http://bsq2.vec.go.th/document/%E0% /1.pdf
อรรถพล สังขวาสี และคณะ. (2564). อนาคตภาพการอาชีวศึกษาไทยในทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2565 – 2574). วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 21(4): 223-224.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, (30)(3): 607-610.