แนวทางการบริหารกิจการนักเรียนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรมกรรมก้าวร้าวของนักเรียนในโรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษาอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 2) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของการบริหารกิจการนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารกิจการนักเรียนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ประชากรที่ใช้ ในการวิจัย คือ ผู้บริหารและคณะครู โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 7 โรงเรียน ผู้บริหารและคณะครูทั้งหมด 93 คน มีการตอบกลับ 77 คน คิดเป็นร้อยละ 82.80 เครื่องมือ ที่ใช้การวิจัย คือ แบบสอบถามที่สร้างขึ้นซึ่งผู้วิจัย ได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.857 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยสูงสุดไปต่ำสุด พบว่า ด้านพฤติกรรมก้าวร้าวด้านวาจามีค่าเฉลี่ยสูงสุด และด้านพฤติกรรมก้าวร้าว ด้านร่างกายมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2) สภาพปัจจุบันของการบริหารกิจการนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านจากค่าเฉลี่ย ได้แก่ ด้านส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ด้านกิจกรรมนักเรียน ด้านการจัดบริการสุขภาพอนามัยนักเรียน และด้านส่งเสริมประชาธิปไตย ตามลำดับ 3) แนวทางการบริหารกิจการนักเรียนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา คือ โรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครูต้องร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่มีระเบียบและปลอดภัย มีบริการให้คำปรึกษาและให้การสนับสนุนทางจิตวิทยา มีการทำงานร่วมกับผู้ปกครองและชุมชนและมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรมที่ใช้ศิลปะ ดนตรี เป็นสื่อกลางในการช่วยให้นักเรียนกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
ข้อความที่ปรากฎอยู่ในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เอกสารอ้างอิง
กนกรัตน์ เสืออ่วม. (2561). “พฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา”. งานนิพนธ์หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารงานยุติธรรมและสังคม. มหาวิทยาลัยบูรพา.
ณัฐพล แสงงาม. (2564). “สภาพปัญหาและประสิทธิผลการบริหารกิจการนักเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1”. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. (2560, 06 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134. ตอน ก, หน้า 14.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาติ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. สืบค้นข้อมูลเมื่อ 20 กรกฎาคม 2567 จาก https://www.bic.moe.go.th/images/stories/5Porobor._2542pdf.pdf
Albert Bandura แอลเบิร์ต บันดูรา. (1986). ทฤษฎีของการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory). สืบค้นข้อมูลเมื่อ 7 กันยายน 2567 จาก https://urlshort.asia/rTqkj
B.F. Skinner บี. เอฟ. สกินเนอร์. (1904). ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม(Behaviorism). สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 จาก https://004kanpaksorn.blogspot.com/2018/07/behaviorism.html
Erickson. (1963). การพัฒนาตนตารมแนวคิดของอีริค อีริคสัน. สืบค้นข้อมูลเมื่อ 25 สิงหาคม 2567 จาก file:///C:/Users/hp/Downloads/5861-Article%20Text-16782-18967-10-20150831.pdf
Francisco, R., et al. (2020). Psychological symptoms and behavioral changes in children and adolescents during the early phase of COVID-19 quarantine in three European countries. Frontiers in Psychiatry, (11): 1329.