รูปแบบการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัล ของโรงเรียนขจรเกียรตินานาชาติ ภูเก็ต

Main Article Content

พิมพ์ชนก ชีพเหล็ก
ชณัฐ พรหมศรี
นวรัตน์ ไวชมภู

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัล (2) เพื่อศึกษาลำดับความต้องการจำเป็นของการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัล (3) เพื่อสร้างรูปแบบการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัล และ (4) เพื่อประเมินรูปแบบการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัลของโรงเรียนขจรเกียรตินานาชาติ ภูเก็ต รูปแบบการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน จำนวน 217 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ (1) แบบสอบถามที่มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาตั้งแต่ 0.67-1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.97 (2) ความต้องการจำเป็นการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัลของโรงเรียนขจรเกียรตินานาชาติ ภูเก็ต และ (3) แบบประเมินความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ ความเหมาะสม และความถูกต้อง สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าจัดลำดับความต้องการจำเป็น ผลการวิจัยพบว่า 1. การส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัลของโรงเรียนขจรเกียรตินานาชาติ ภูเก็ต พบว่า สภาพปัจจุบันโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. ลำดับความต้องการจำเป็นของการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัลของโรงเรียนขจรเกียรตินานาชาติ ภูเก็ต ในภาพรวมมีค่า PNImodified = 0.22 โดยลำดับแรกคือ การรักษาอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง (PNImodified = 0.28) 3. รูปแบบการส่งเสริมทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัลของโรงเรียนขจรเกียรตินานาชาติ ภูเก็ต ประกอบด้วย 1) การรักษาอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง 2) การคิดวิเคราะห์และวิจารณญาณที่ดี 3) การรักษาความปลอดภัยของตนเองในโลกไซเบอร์ 4) การใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม 5) การบริหารจัดการข้อมูลที่ผู้ใช้งานทิ้งไว้บนโลกออนไลน์ 6) การรับมือกับการกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ 7) การรักษาข้อมูลส่วนตัว และ 8) การจัดสรรเวลา 4. การประเมินรูปแบบจากการตรวจสอบด้วยมาตรฐาน 4 ด้าน พบว่า ผ่านเกณฑ์การยอมรับที่ค่าเฉลี่ยความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ ความเหมาะสม ความถูกต้องครอบคลุม อยู่ในระดับ มากที่สุด

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา เดชสม. (2565). กลยุทธ์การพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัลของโรงเรียนมัธยมศึกษา. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต การบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยทักษิณ.

เจริญ ภูวิจิตร. (2565). แนวทางการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในยุค Next Normal. สืบค้นข้อมูลเมื่อ 20 มิถุนายน 2567 จาก https://www.nidtep.go.th/2017/publish/doc/202203084.pdf

ฑิวาวรรณ สุวานิโช. (2563). รูปแบบการบริหารการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, 9(2): 38-47.

วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง. (2561). คู่มือพลเมืองดิจิทัล. กรุงเทพฯ: สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับบริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด.

วรยุทธ วิลามาศ. (2565). ความต้องการจำเป็นในการเป็นพลเมืองดิจิทัลของครูและ บุคลากร ทางการศึกษาจังหวัดสระบุรี (Doctoral dissertation). วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

สุกัญญา แช่มช้อย. (2562). การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุรศักดิ์ ปาเฮ. (2562). การศึกษาภควันตภาพเรียนได้ทุกหนทุกแห่งและทุกเวลา. แพร่: แพร่ไทยอุตสาหการพิมพ์.

สรานนท์ อินทนนท์. (2563). ความฉลาดทางดิจิทัล (DQ Digital Intelligence). (พิมพ์ครั้งที่ 3). ปทุมธานี: วอล์ค ออน คลาวด์.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ. สืบค้นข้อมูลเมื่อ 8 กันยายน 2567 จาก: //sdgs.nesdc.go.th/-sdgs.html.

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, (30)(3): 607-610.

McMillan, J. H., & Schumacher, S. (2001). Research in education: A conceptual introduction (5th ed.). Longman.