ผลของการใช้วิธีสอนโฟนิกส์ในการพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผู้แต่ง

  • ปุณยวัจน์ วรรณคาม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • สุดากาญจน์ ปัทมดิลก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร; วิธีสอนแบบโฟนิกส์

บทคัดย่อ

              การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนโฟนิกส์ในการพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนวัดหนองผักนาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3 กับเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในความสามารถการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้เรียนก่อนและหลังได้รับการสอนด้วยวิธีแบบโฟนิกส์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนวัดหนองผักนาก กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยในครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดหนองผักนาก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3 ซึ่งเลือกมาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 14 คน เนื่องจากมีเพียงห้องเดียว เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนโฟนิกส์ในการพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ จำนวน 10 แผน 2) แบบทดสอบการอ่านคำศัพท์และประโยค ภาษาอังกฤษ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การหาค่าประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้ (E1 /E2 ) โดย ตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังความสามารถ การสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้เรียนก่อนและหลังได้รับการสอนด้วยวิธีแบบโฟนิกส์ โดยใช้ t-test dependent รวมถึงค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้เรียนก่อนและหลังได้รับวิธีสอนโฟนิกส์เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

          ผลการวิจัยพบว่า

  1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนโฟนิกส์ในการพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 77.06/77.62 ตามเกณฑ์ ประสิทธิภาพที่ตั้งไว้คือ 75/75 เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการวิจัย
  2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของ ผู้เรียนก่อนและหลังได้รับวิธีสอนโฟนิกส์เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). คู่มือแนวทางการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามความเข้มข้น 3 ระดับสู่สากล พุทธศักราช 2562. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

จารุวรรณ ไม้เลี้ยง. (2560). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีโฟนิกส์เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงและจำความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.

บุญสม ทับสาย. (2560) . การจัดการเรียนการสอนแบบโฟนิกส์เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่าน และการสะกดคำภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3. เอกสารประกอบการนำเสนอ ผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2560.

อินทิรา ศรีประสิทธิ์. (2552). 7 ขั้นตอนที่จะทำให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษอย่างถาวรและแท้จริง. สืบค้นเมื่อ 10 มกราคม 2564. จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/englishclinic/2009/06/24/entry-3

อุมาภรณ์ ยิ้มเยื้อน. (2557). การพัฒนาการอ่านและสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีสอนแบบโฟนิกส์ของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4. การศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยนเรศวร.

Farokhbakht, L., & Dariush, N. (2015). The Effect of Using Synthetic Multisensory Phonics in Teaching English Literacy on Literacy Learning and Reading Motivation: A Case of Iranian Young Learners of English. International Journal of Research Studies in Education, Retrieved January 15, 2021, from http://consortiacademia.org/wpcontent/uploads/IJRSE/IJRSE_v4i4/1196-4272-1-PB.pdf

Groff, Patrick. (2002). Blending Speech Sounds: a Neglected Phonics Skill. Retrieved January 15, 2021, from http://www.nrrf.org/06_blending_sounds.html

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

วรรณคาม ป. ., & ปัทมดิลก ส. . (2022). ผลของการใช้วิธีสอนโฟนิกส์ในการพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. Journal of Buddhist Education and Research (JBER), 8(1), 192–203. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jber/article/view/256956

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research Article