การพัฒนาระบบวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุด้วยออนโทโลยี

Main Article Content

วิไลลักษณ์ ตรีพืช
วุฒิพงษ์ ชินศรี

บทคัดย่อ

             การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อพัฒนาระบบวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุด้วยออนโทโลยี 2. เพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุด้วยออนโทโลยี 3. เพื่อประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุด้วยออนโทโลยี

             ระบบที่พัฒนาขึ้นนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนของการระบุข้อมูลของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยและส่วนของการแสดงผลการวินิจฉัย สำหรับส่วนของการประเมินประสิทธิภาพจะทำการประเมินโดยผู้วิจัยจะสอบถามจากผู้สูงอายุ จำนวน 30 คน โดยผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุเมื่อพิจารณาจากอาการ อยู่ในระดับสูงมาก ( =4.23, S.D.=0.84) และเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรม อยู่ในระดับสูงมาก ( =4.51, S.D.=0.87) สำหรับส่วนของการประเมินความพึงพอใจในการใช้งานจะทำการประเมินโดยผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ประเมินประสิทธิภาพของระบบ โดยผลการประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบวินิจฉัยโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.65, S.D. =0.55) ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายข้อแล้วพบว่ามีความพึงพอใจกับความเร็วในการทำงานของระบบได้รับความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ( =4.83, S.D.=0.38)

 

             The objectives of this research were: 1. to develop the diagnostic system for a common geriatric disease by using ontology, 2. to evaluate the performance of the diagnostic system for a common geriatric disease by using ontology, and 3. to evaluate the usage of satisfaction of the diagnostic system for a common geriatric disease by using ontology.

              The system developed are divided into two main parts: part 1 for defining the user information that related for diagnostic; and part 2 for display the result of diagnostic. The evaluation of the performance was evaluated by 30 elders. The overall performance results of the diagnostic system for a common geriatric disease by using ontology when use the symptoms for considering were at a very high level ( =4.23, S.D.=0.84) and when use the behaviors for considering were at a very high level ( =4.51, S.D.=0.87). The evaluation of the usage of satisfaction was evaluated by 30 elders who evaluate the performance of this system. The overall usage of satisfaction results of the diagnostic system for a common geriatric disease by using ontology were at a very high level ( =4.65, S.D.=0.55). Considering in each item, it has been found that the speed of the system have been satisfied at a very high level. ( =4.83, S.D.=0.38). 

Article Details

บท
บทความวิจัย
Author Biographies

วิไลลักษณ์ ตรีพืช

สาขาวิชาการจัดการสารสนเทศ วิทยาลัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  มหาวิทยาลัยรังสิต   จังหวัดปทุมธานี 

วุฒิพงษ์ ชินศรี

สาขาวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  มหาวิทยาลัยรังสิต    จังหวัดปทุมธานี 

References

คณะอาจารย์แพทย์ โรงพยาบาลศิริราช. (2542). โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและการดูแลรักษา. กรุงเทพฯ: ลิเบอร์ตี้เพรส.

จุฑามาศ เทียนสะอาด และอรวรรณ อิ่มสมบัติ. (2555). ระบบผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและให้คำแนะนำผู้ป่วยไตวายเรื้อรังโดยใช้ฐานข้อมูลออนโทโลยี. JOURNAL OF INFORMATION SCIENCE AND TECHNOLOGY, 3(2), 23-30.

ธีรวิชญ์ วงษา และรัฐสิทธิ์ สุขะหุต. (2557). ออนโทโลยีกับการจัดการความรู้. ข่าวสารคณะวิทยาศาสตร์ มช., 1-3.

ประเสริฐ อัสสันตชัย. (2554). ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและการป้องกัน. กรุงเทพฯ: ยูเนี่ยน ครีเอชั่น.

ปราโมทย์ ประสาทกุล. (2557). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ.2556. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พลับชิง จำกัด (มหาชน).

ระบบวินิจฉัยโรคออนไลน์. (2553) ค้นเมื่อ 30 ธันวาคม 2558, จากเว็บไซต์ : http://disease-diagnosis.net63.net/.

วุฒิพงษ์ ชินศรี และศิริวรรณ วาสุกรี. (2558). การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสำหรับการวิเคราะห์ข้อสอบปรนัย. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 10(1), 1-17.

โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. (2555). การวิเคราะห์และออกแบบระบบ (ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.

Best, J. W. (1977). Research in education. Englewood Cliffs, NJ. Prentice-Hall.

Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2, 49-60.