
รัฐศาสตร์สาร เป็นวารสารวิชาการฉบับแรกของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เป็นสื่อกลางสำหรับแลกเปลี่ยนนานาทัศนะในหมู่นักวิชาการและเผยแพร่ความรู้ด้านสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ทั้งในรูปบทความวิจัย บทความวิชาการ บทความแปล และบทปริทัศน์หนังสือ Print ISSN : 0125-135X
ฉบับปัจจุบัน
ปีที่ 46 ฉบับที่ 1 (2568): รัฐศาสตร์สาร
8 เมษายน ค.ศ. 2025 เป็นวันที่ประธานาธิบดี Donald Trump กล่าวถึงประเทศต่างๆ ที่จะต้องมาตกลงการค้ากับสหรัฐอเมริกาหลังจากสหรัฐตัดสินใจขึ้นภาษีไว้อย่างชัดเจน ประเทศจำนวนมากร้องขอที่จะมาตกลงกับสหรัฐอเมริกา ประโยคอันโด่งดังว่าประเทศต่างๆ กำลัง ‘kissing my ass’. “I’m telling you, these countries are calling us up, kissing my ass. They are. They are dying to make a deal.” สำหรับ ‘kissing my ass’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ‘kiss my ass’ ที่หมายถึง ‘ปฏิเสธอย่างรุนแรงว่าจะไม่ทำสิ่งที่อยากให้ทำ’ ข้อความผรุสวาทตอบโต้กับผู้ที่ต้องการให้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้อยากทำ
ทั้งนี้หลากหลายประเทศยินดีที่จะเดินทางไปเจรจาตกลง เพราะในที่สุดแล้วหลากหลายประเทศก็ ‘kiss ass’ ประเทศต่างๆ พร้อมที่จะเลียแข้งเลียขาประจบสอพลอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่กลุ่มผลประโยชน์ของดินแดนนั้นๆ ต้องการ ภาพการเจรจาของญี่ปุ่นแสดงลำดับชั้นของห่วงโซ่อำนาจ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปสนใจว่าเป็นข้อความที่พูดออกมาเป็นข้อความที่รุนแรง ต่ำช้า หยาบคายหรือไม่ เพราะการเรียงลำดับเพื่อ “จูบตูด” คือการต่อรองเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มหาศาล
การจูบไม่ว่าจะเป็น ‘แหวน’ หรือจะเป็น ‘ตูด’ ก็คือการแสดงการยอมรับอำนาจ เช่น การยอมจำนนต่ออำนาจของพระสันตประปาที่แสดงออกด้วยการจูบแหวน เป็นต้น สำหรับการ “จูบตูด” ไม่ใช่มีความหมายเพียงแค่การประจบประแจง แต่แสดงถึง ‘instrumental rationality’ ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกันของประเทศตามหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่ากับ “ผลประโยชน์ที่ไม่เคยโกหกใคร”
ถ้าพิจารณาการ “จูบตูด” ตามคำศัพท์แล้วก็คงจะต้องรู้ว่าจะต้องเผชิญกับรสชาติไล่ไปจนถึงการได้กลิ่นของ ‘ขี้’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอดีตที่การทำความสะอาดรูตูดย่อมไม่ได้มีประสิทธิภาพ จินตนาการที่มีต่อการได้ ‘สัมผัสรสชาติและสูดดมขี้’ ย่อมเป็นอะไรที่นำไปสู่ความสะอิดสะเอียนได้เสมอ แต่ “ตูด” ก็ยังเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่ขาดไปไม่ได้ สิ่งสกปรกเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย บรรดา ‘ขี้’ ทั้งหลายล้วนแล้วอยู่ในร่างกายของมนุษย์ ร่างกายจึงเต็มไปด้วย ‘ขี้’ แต่สิ่งสกปรกน่ารังเกียจเหล่านี้จะสร้างความสะอิดสะเอียนเมื่อออกจากร่างกายมาสู่โลกภายนอก
สำหรับสังคมยุโรปที่อยู่ภายใต้คริสต์ศาสนามาสองพันปี “ตูด” ยังเป็นอะไรที่น่าหลงใหลไปพร้อมกันการเป็นเรื่องต้องห้าม (taboo) รูตูดเป็นที่อยู่ของปิศาจ แต่ตามจริงแล้วความสุขจาก ‘รูตูด’ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์และสัตว์ หนึ่งในผู้คนที่ให้ความสนใจกับ “รูตูด” ก็คือ Sigmund Freud บทความ ‘Character and Anal Eroticism’ (1908) บ่งบอกถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง ‘ขี้ ทอง และเงิน’ ช่วงของพัฒนการระดับรูตูด (anal stage) Freud เสนอมนุษย์ในตอนเด็กสัมพันธ์กับขี้ในฐานะของขวัญ (gift) อันทรงคุณค่าที่เด็กๆ ได้รับมา
‘ของขวัญ’ ที่ได้รับมาเป็นสิ่งที่มีค่าในระดับจิตใต้สำนึก สิ่งมีค่าที่ไม่มีใครอยากจะสูญเสียไป ‘ขี้’ เป็นตัวกลางของการแลกเปลี่ยนในทำนองเดียวกันกับทองและเงิน ทารกบางคนไม่อยากที่จะสูญเสีย ‘ขี้’ เพราะเป็น ‘ของขวัญ’ มีค่าที่ต้องเก็บรักษาเอาไว้ จากการเก็บรักษา ‘ขี้’ เอาไว้เปิดทางไปสู่เรียนรู้ที่จะเก็บสะสมสิ่งอื่นๆ จนในท้ายที่สุดก็เป็นเก็บสะสมเงิน เพียงแต่เด็กดีๆ จะถูกฝึกฝนมาให้ไม่เล่นขี้ เส้นทางของ ‘anal eroticism’ คือวิถีที่เปิดทางไปสู่ความเป็นอารยะ เพียงแต่ความเป็นอารยะในสมัยของ Freud นั้นคือเป็นจักรวรรดินิยมและเป็นเจ้าอาณานิคม
ความมั่งคั่งร่ำรวยเคียงคู่อยู่กับความสกปรก คำว่า ‘filthy rich’ บ่งบอกถึงความสกปรกของความมั่งคั่ง ความสกปรกของ ‘filthy’ รากศัพท์ของคำๆ นี้ยังบ่งบอกถึงบาป ความไม่บริสุทธิ์ ไร้ศีลธรรม ความไม่ซื่อสัตย์ ไร้ซึ่งหลักการ ไร้ซึ่งเกียรติยศ (corrupt) ในทำนองเดียวกันคำว่า ‘gold buggery’ ที่หมายถึงคนที่เชื่อมั่นในทองหรือยึดมั่นในการลงทุนในทอง เพียงแต่ ‘buggery’ นั้นหมายการร่วมเพศทางทวารหนักที่ไม่ได้จำกัดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือสัตว์ ตำนานเรื่องเล่ามีว่าเมื่อปิศาจมอบ ‘ทอง’ ให้กับเหล่าสาวก แต่พอปิศาจกลับไป ‘ทอง’ ก็กลายเป็น ‘ขี้’ ในสมัยบาบิโลน ‘ทองคือขี้ในนรก’
กรอบความคิดความมั่งคั่งเงินทองกับสิ่งสกปรกปรากฏในสังคมวิคตอเรียน (Victorian society) ไล่ไปจนถึงความคิดของ Karl Marx ในเรื่องเงินกับความโสโครก วิถีการเงินของเยอรมันบ่งบอกถึง ‘ขี้’ ผู้คนที่ผลิตเงินตราเรียกว่า ‘Ducatscheisser’ หรือ ‘shitter of ducat’ วิถีชีวิตของคนเมืองที่ต้องเผชิญกับปฏิกูลหลากหลายแบบ ในขณะเดียวกันวิถีชีวิตเมืองที่ดำเนินควบคู่ไปกับเงิน การขยายตัวของเมืองในสังคมอุตสาหกรรมที่มั่งคั่งนั้นขยายตัวพร้อมกับสิ่งสกปรกของเมืองที่ต้องกำจัด
ภายใต้โครงสร้างของความไม่เท่าเทียมกันของโลกผู้นำบางประเทศจึงพร้อมเสมอที่จะคิดว่าดินแดนห่างไกลจากศูนย์กลาง (center) คือ ‘shitholes’ อันแหล่งกำเนิดของผู้อพยพ ความสกปรกที่ดำเนินไปพร้อมกับการไม่วิวัฒนาการไปสู่ระดับของความสกปรกในรูปแบบของเงินตรา ในสังคมร่ำรวยที่เต็มไปด้วยความสะอาดแต่หลงใหลกับ ‘ขี้แบบเงินตรา’ นั้นต้องการกำจัดและจัดการ [หรือ ‘การฝึกฝนการเข้าห้องน้ำ’ (toilet training)] ความสกปรกที่ล้นเกินไปจากเหล่าดินแดน ‘shitholes’ เพราะดินแดนที่สะอาดหมดจรดและหลงใหลกับความสะอาดก็จะดำเนินควบคู่กับกิจการเงินที่เจริญเฟื่องฟู
ธเนศ วงศ์ยานนาวา
หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่สนใจบทความฉบับเต็มสามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่สายส่งเคล็ดไทย
เผยแพร่แล้ว: 2025-04-25
ฉบับเต็ม
Articles
“รัฐศาสตร์สาร” เป็นวารสารวิชาการฉบับแรกของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เป็นสื่อกลางสำหรับแลกเปลี่ยนนานาทัศนะในหมู่นักวิชาการและเผยแพร่ความรู้ด้านสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ทั้งในรูปบทความวิจัย บทความวิชาการ บทความแปล และบทปริทัศน์หนังสือ