การพัฒนาแบบทดสอบทักษะกีฬาเซปักตะกร้อสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คำสำคัญ:
Sepak Takraw skill test, normative criteria, , development of Sepak Takraw skill testบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบบเกณฑ์ปกติและหาคุณภาพของแบบทดสอบทักษะกีฬาเซปักตะกร้อสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบทักษะกีฬาเซปักตะกร้อ จำนวน 30 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการสร้างแบบเกณฑ์ปกติ จำนวน 175 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบทักษะกีฬาเซปักตะกร้อสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยแบบทดสอบใช้เกณฑ์ให้คะแนนแบบรูบริค จำนวน 4 ทักษะ คือ แบบทดสอบทักษะการเสิร์ฟ แบบทดสอบทักษะการตั้งรับ แบบทดสอบทักษะการเดาะ และแบบทดสอบทักษะการโหม่ง มีดัชนีความสอดคล้อง เท่ากับ 0.92, 0.93, 0.90, และ 0.93 ตามลำดับ มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน r=0.82, 0.76, 0.72, และ 0.80 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ค่าดัชนีความสอดคล้อง ค่าความเชื่อมั่น ค่าความเป็นปรนัย และหาเกณฑ์ปกติ โดยใช้คะแนนมาตรฐานที โดยแบ่งระดับเป็น 5 ระดับ คือ ดีมาก ดี ปานกลาง อ่อน และอ่อนมาก ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา มีค่าระหว่าง 0.80 - 1.00 และพบว่าทุกทักษะมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก สามารถวัดได้ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้องการจริง และเกณฑ์ปกติของทักษะกีฬาเซปักตะกร้อระดับดีมาก ผลการศึกษานี้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเกณฑ์ปกติของทักษะกีฬาในงานวิจัยที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์การกีฬา และสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนานักกีฬาเซปักตะกร้อได้จริง อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาต่อเพื่อเพิ่มความแม่นยำและการใช้งานที่ครอบคลุมมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2560). แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
โกสินทร์ วิสุทธิ์ศรี. (2552). ผลการใช้แบบฝึกทักษะกีฬาเซปักตะกร้อสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น]. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2560). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. กรุงเทพฯ: บิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.
บุญชม ศรีสะอาด. (2532). การวิจัยเบื้องต้น. มหาสารคาม: ภาควิชาพื้นฐานการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วรศักดิ์ เพียรชอบ. (2560). ปรัชญา หลักการ วิธีสอน และการวัดเพื่อประเมินผลทางการพลศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 2 ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วุฒิพงษ์ สีหามาตย์. (2548). การสร้างแบบฝึกทักษะกีฬาเซปักตะกร้อสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น]. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Baumgartner, T. A., Jackson, A. S., Mahar, M. T., & Rowe, D. A. (2003). Measurement for evaluation in physical education and exercise science (7th ed.). McGraw-Hill.
Chin, J. Y., Wong, S. M., & Keong, L. W. (2017). Efficacy of ivermectin treatment on disease progression among adults with mild to moderate COVID-19 and comorbidities: The I-TECH randomized clinical trial. JAMA Internal Medicine, 182(4), 426–435. https://doi.org/10.1001/jamainternmed.2022.0189
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1997). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Journal of Educational Measurement, 14(1), 49–60.
Safrit, M. J., & Wood, T. M. (1995). Introduction to measurement in physical education and exercise science (3rd ed.). Mosby.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Buddhist Education and Research (Online)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

