แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการของในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3และ 2) แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 วิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 297 คน จากการเปิดตารางของเครจซี่และมอร์แกน โดยสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ และสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบบสอบถามมาตรประมาณค่า 5 ระดับ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ค่าดัชนีความสอดคล้องมีค่าเท่ากับ 0.8 -1.00 ค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.450- 0.84 และค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNImodified) และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 พบว่า สภาพปัจจุบัน โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 3.77) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการวัดผลและประเมินผล (x̄ = 3.96) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร (x̄ = 3.40) สภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.41) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการวัดผลและประเมินผล (x̄ = 4.46) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร (x̄ = 4.35) การประเมินความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการพัฒนาหลักสูตร มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็นมากที่สุด (PNImodified = 0.212) รองลงมาด้านการจัดการเรียนการสอน มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNImodified = 0.131) ด้านการนิเทศการศึกษา (PNImodified = 0.130) ด้านการพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNImodified = 0.129) และด้านการวัดผลและประเมินผล มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น คือ (PNImodified = 0.111) ตามลำดับ 2. แนวทางในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนาหลักสูตร จำนวน 3 แนวทาง 2) ด้านการจัดการเรียนการสอน จำนวน 3 แนวทาง 3) ด้านการพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษาจำนวน 3 แนวทาง 4) ด้านการวัดผลและประเมินผลจำนวน 3 แนวทาง และ 5) ด้านการนิเทศการศึกษา จำนวน 3 แนวทาง รวมทั้งหมด 15 แนวทาง มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x̄ = 4.76) และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x̄ = 4.65)
เอกสารอ้างอิง
กมล ภู่ประเสริฐ. (2544). การบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: ก.พล.
กัมพล ขันทะวงษ์. (2555). แนวทางการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา สหวิทยาเขตปราสาทพญาไผ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 (วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ธีระภาพ เพชรมาลัยกุล. (2561). รูปแบบการบริหารงานวิชาการและการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะและทักษะในศตวรรษที่ 21 ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน: การวิเคราะห์เชิงปริมาณผสานคุณภาพ. [ไม่ปรากฏข้อมูลสถาบัน].
นุจรี นูวบุตร. (2566). การบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อทักษะในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา. [ไม่ปรากฏข้อมูลสถาบัน].
สดใส ศรีสวัสดิ์. (2565). รูปแบบการบริหารงานวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2543). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ.
วิศวะ ผลกอง. (2562). ภาวะผู้นำทางวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 (วิทยานิพนธ์ ศษ.ม.). มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย. (2556). แนวทางจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
Baron, K. C. (1999). The nature of American academic advising in the century (Ph.D. thesis). University of Surrey.
Brophy, G. M. (2006). A study of the process used by academic affairs administrators at participating institutions of higher education to select instructional technology tools faculty use in instruction in undergraduate classes [Doctoral dissertation, [University not specified]]. Dissertation Abstracts International.
Buzzi, M. J. (2012). The relationship of school effectiveness to selected dimensions of principals' instructional leadership in elementary schools in the state of Connecticut (Ed.D. dissertation). University of Bridgeport.
Cathy, L. (1998). The development and evaluation of software for teaching reading at primary level (Ph.D. thesis). Open University (United Kingdom).
Corfield, G. T. (2013). The role of technology in a century pedagogy (Ph.D. thesis). Teesside University.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Kelly, A. (1996). The management and administration of Irish post-primary schools (Ph.D. thesis). University of Hull.
Smith, J. (2006). Technology-assisted instruction and student advancement. Dissertation Abstracts International, 139–A.
Wan, W. P. E. (2020). Perceptions of leadership and curriculum change in Hong Kong primary schools (Ed.D. thesis). University of Nottingham.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Buddhist Education and Research (JBER)
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
