การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือในการส่งเสริมความมีจิตอาสาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จังหวัดอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
การจัดกิจกรรม,การเรียนรู้,การส่งเสริม,จิตอาสาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพ เปรียบเทียบ และเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือในการส่งเสริมความมีจิตอาสาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนจำนวน 130 คน จากนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จังหวัดอุบลราชธานี การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างเทียบจากตารางสำเร็จรูป Krejcie & Mogan โดยการสุ่มแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทำสอบด้วยค่าที ( t-test independent Samples) และทดสอบเอฟ (F-test )
ผลการวิจัยพบว่า
- สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือในการส่งเสริมความมีจิตอาสาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จังหวัดอุบลราชธานี พบว่าโดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงจากมากไปหาน้อย 1) ด้านความสามัคคี 2) ด้านความมีน้ำใจ 3) ด้านการทำงานเป็นทีม 4) ด้านความรับผิดชอบ และ 5) ด้านความเสีย สละ ตามลำดับ
- ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือในการส่งเสริมความมีจิตอาสาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จังหวัดอุบลราชธานี จำแนกตามเพศ ระดับชั้น และเกรดเฉลี่ย ซึ่งภาพรวมรายด้านทั้ง 5 ด้าน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้
- 3. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือในการส่งเสริมความมีจิตอาสาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ครูผู้สอนควรส่งเสริม ให้นักเรียนมีความเอื้ออาทรเอาใจใส่คนรอบข้างอย่างสม่ำเสมอ มีจิตอาสาที่จะทำงานเพื่อให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างเต็มที่เต็มกำลังที่ตนเองสามารถช่วยได้ ให้ความเคารพปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสามัคคีครูผู้สอนมีแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนในการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างชัดเจนตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งผลการวิจัยในครั้งนี้ยังได้สอดคล้องกับโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีความ สมัครสมานสามัคคี มีความสุขและประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน สืบต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). การสังเคราะห์รูปแบบการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทย ด้านความรับผิดชอบและวินัยในตนเอง. กรุงเทพฯ: กองวิจัยทางการศึกษา.
พระกรวัฒน์ สิริปญฺโญ (สืบสวน). (2561). การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 (สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา), พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระราชสุธี (โสภณ โสภณจิตโต). (2562). ความสามัคคี.[ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 13 กรกฎาคม 2562. จาก http://www. Matichon.co.th/Khaosod/Vi...MHdOeTB3T1E9PO.
วิภาพร มาพบสุข. มนุษย์สัมพันธ์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น. 2543.
ศิริพงษ์ ฐานมั่น, (2560). จิตอาสาประตูสู่ CSR ที่ยั่งยืน. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์). 7(1), 169-184.
หน่วยราชการในพระองค์. (2560). หลักสูตรการฝึกอบรมจิตอาสา 904. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2562. จาก https://www.royaloffice.th/.
อังสนา อัครพิศาล และคณะ. (2556). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับจิตอาสาของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. รายงานวิจัย. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement.

